| หัวข้อกระทู้ : แค่อยากให้แม่เข้าใจ.... (เศร้า และ ซึ้งมากๆครับ) |
(D)
“แม่ค่ะหนูสอบได้ที่ 1 คะ”
เด็กสาวตัวเล็กวิ่งเข้ามาบอกแม่ด้วยเสียงหน้ายิ้มแย้ม “เก่งมากเลยจ๊ะ
น้ำนี่ทำอะไรก็ดีไปหมดเลยนะ สมเป็นลูกแม่กับพ่อเลย”
หญิงมีอายุผู้เป็นแม่ลูบหัวอย่างอ่อนโยน “งั้นวันนี้เราก็มีข่าวดี 2
เรื่องเลยสิ ยังงี้ต้องฉลอง”
เสียงของชายคนหนึ่งดังขึ้นจากหลังประตูด้านใน น้ำหันไปมองอย่างสงสัย
“อะไรคะ พ่อ” น้ำเดินเข้าไปหาชายผู้เป็นพ่อ “หนูกำลังจะมีน้องไง”
น้ำได้ฟังข่าวดียังตื่นเต้นวิ่งกลับมาหาแม่แล้วกระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุข
ผ่านไป 10 ปี…ขณะนี้น้ำอยู่ ม.6 แล้ว ส่วนนัทน้องชายอยู่ ม.2
พ่อของน้ำและนัทได้จากไปแล้วด้วยอุบัติเหตุทำให้แม่ต้องรับดูแลทั้งสองดูความยากลำบากแต่ทั้งสองก็ยังทำให้แม่ภูมิใจในด้านการเรียนและวันนี้เป็นวันประกาศผลสอบของทั้งสอง
“เป็นไงบ้างจ๊ะ” แม่ถามเมื่อทั้งสองกลับถึงบ้าน “ผมได้ 4.00 ครับ”
นัทบอกด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแม่ก็ยิ้มให้แล้วก็หันไปทางน้ำ
ซึ่งน้ำทำท่าไม่อยากพูด “เท่าไรจ๊ะ” แม่ถามย้ำอีกที .49 คะ”
น้ำก้มหน้าไม่กล้ามองหน้าแม่ “เรียนยังไงเนี่ยน้ำเกรดถึงลดอย่างนี้
ลูกทำให้แม่ผิดหวังมากเลยนะรู้หรือเปล่า วัน ๆ
มัวแต่เล่นไม่ยอมดูหนังสือเป็นยังไงละ
ดูอย่างน้องบ้างสิไม่เคยทำให้แม่ผิดหวังซักครั้งเดียวเลย
ลูกนี่แย่จริง ๆ กลับบ้านไปเข้าห้องไปเลยนะ เย็นนี้ไม่ต้องกินข้าว”
เสียงที่ออกมาด้วยอารมณ์โกธรของแม่ทำให้น้ำถึงกับน้ำตาซึม
นัทก็ยังมองพี่สาวด้วยสายตาเยาะเย้ย
เมื่อกลับถึงบ้านน้ำก็เข้าห้องตามที่แม่บอกนั่งร้องไห้อยู่คนเดียวในห้องที่มืดมิดจนกระทั่งหลับไป
วันหนึ่งทางโรงเรียนก็ได้ส่งใบเลือกเรียนคณะในมหาวิทยาลัยมาให้
“น้ำ ลูกต้องเลือกแพทย์รู้ไหม จะได้มาช่วยเหลือแม่ได้”
น้ำฟังด้วยสีหน้ากลุ้ม ๆ
“แต่หนูคิดว่าหนูเรียนไม่ไหวคะแม่และหนูก็ไม่ชอบด้วย”
น้ำพูดออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อย ๆ
“อะไรกัน จะทำให้แม่ดีใจซักอย่างไม่ได้เหรอไง
ตอนม.ต้นก็เหมือนกันบอกให้เรียนสายวิทย์ก็ยังจะเถียงว่าไปเรียนสายศิลป์
ทีนี้จะมาเถียงอีกเหรอไง” แม่ตวาดออกมากด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“แต่หนูก็เรียนสายวิทย์อย่างที่แม่ต้องการนี่คะ” น้ำพูดออกอย่างน้อยใจ
“ไม่ต้องมาเถียงเลย แม่เป็นคนจ่ายเงินให้เรียน
ถ้าไม่เลือกเรียนตามที่บอกแกก็ไม่ต้องเรียน”
แม่พูดจบก็เดินออกไปจากห้องของน้ำ
น้ำก็ได้แต่นั่งนิ่งไม่รู้ว่าควรทำอะไรไม่รู้ต้องทำอะไรบ้างในบ่ายวันนั้น
ในตอนเย็นทั้งสามกำลังรับประทานอาหารเย็นร่วมกัน
“แม่ครับ ผมอยากได้คอมเครื่องใหม่” นัทบอกออกมาระหว่างทานอาหาร
“ได้สิจ๊ะลูก คนที่เรียนดีทำให้แม่ภูมิใจไม่ได้มาทำให้แม่ผิดหวังอยากได้อะไรแม่ก็ให้ได้”
แม่พูดขึ้นพร้อมปรายตามองลูกสาวด้วยความขุ่นเคือง
น้ำก็นั่งทานอย่างเงียบ ๆ ด้วยความรู้สึกที่อึดอัดอย่างบอกไม่ถูก
เมื่อกลับเข้ามาในห้องน้ำก็นั่งเล่นเน็ตเพื่อหวังจะคลายเครียดบ้าง
นัทก็เข้ามาในห้อง “เข้ามาทำไม” น้ำถาม “ผมขอยืมนาฬิกาปลุกหน่อยสิ”
น้ำก็หยิบให้
นัทเมื่อได้ของก็กำลังจะเดินออกพอดีสายตาหันไปเห็นกองผ้าที่อยู่บนเตียงพี่สาว
“ได้ของก็ออกไปสิ” น้ำบอกเมื่อเห็นว่าน้องชายยังไม่ออก “อะไรอะพี่”
น้ำหันมาดูสิ่งที่นัทถาม “อ้อ ผ้าห่มนะพี่จะถักให้แม่ในวันเกิดปีนี้
ตัวนี้พี่ถักมาตั้งแต่ ม.4 น่ะ”
น้ำเอ่ยอย่างอารมณ์ดีเมื่อนึกถึงวันที่กำลังจะมาถึง “เหอะ ลำบากจะตาย
ทำไมไม่ซื้อแบบสำเร็จล่ะนั่งถักอยู่ได้” นัทบอกอย่างไม่ใส่ใจนัก
“นายไม่รู้หรอกว่าการที่มอบของให้ใครสักคนหนึ่งด้วยฝีมือที่ทำด้วยคนเองมันรู้สึกยังไง
ไป ๆๆ ออกไปได้แล้ว” น้ำดันตัวนัทออกจากนอกห้องแล้วปิดประตู
จากนั้นก็หันมามองผ้าห่มที่ถักเกือบเสร็จด้วยรอยยิ้มที่บ่งบอกถึงความรักแล้วก็หันไปเล่นคอมต่ออย่างมีความสุข
อยู่มาวันหนึ่งขณะที่น้ำกำลังนั่งถักผ้าห่มที่จะมอบให้แม่ในอีกไม่กี่วันนี้อยู่ในห้อง
ประตูก็ถูกเปิดออกอย่างแรงแม่ก้าวเท้าเข้ามาด้วยสีหน้าที่บ่งบอกอารมณ์แย่สุด
“นี่มันอะไรกัน” กระดาษบางอย่างลอยมากระทบหน้าน้ำเต็ม ๆ “อะไรคะ”
น้ำถามอย่างตกใจ “ดูเอาสิ ผลงานตัวเองนี่ ไม่ได้คิดถึงเงินแม่เลย”
แม่พูดด้วยน้ำเสียงโมโหสุด ๆ
น้ำก็หยิบขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นรายจ่ายค่าโทรศัพท์มือถือของแม่
ซึ่งแพงมากเกือบหมื่น “โห ทำไมแพงอย่างนี้” น้ำอุทานออกมา
“ยังจะมาถามอีก” น้ำพอรู้ว่าแม่มาว่าเรื่องอะไร “ไม่ใช่หนู”
น้ำพยายามจะเถียง “ก็เดือนนี้
เอามือถือของแม่ไปใช้ทั้งเดือนแล้วยังจะว่าไม่ใช่อีกเหรอ”
น้ำก็ส่ายหัว “แต่นัทเขาขอยืมต่อไปตั้งแต่ต้นเดือนแล้วนี่คะ”
น้ำพยายามบอกความจริงกับแม่แต่ในตอนนี้คงไม่มีอะไรหยุดยั้งอารมณ์โกธรได้อีกแล้ว
“นี่อะไรยังจะมาโทษน้องอีกเหรอ ทำไมเป็นคนแบบนี้”
พูดจบมือก็ตวัดออกไปอย่างรวดเร็ว น้ำจับแก้มของตัวเองที่แดง
“แต่หนูเปล่านี่คะ”
น้ำตาเริ่มไหลรินออกมาไม่ใช่เพราะเจ็บที่แก้มแต่เจ็บที่ใจมากกว่าเพราะแม่ยังไม่เคยตบหน้าน้ำมาก่อน
“ไม่ต้องมาเถียงเลย แกมันทำตัวเลว
ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ทำไม่ดีไปหมดแล้วยังจะมาโยนความผิดให้น้องอีก วันๆ
มัวแต่ทำอะไรเนี่ย เนี่ยทำไปทำไม”
แม่กระชากผ้าห่มมาจากมือน้ำแล้วฉีกทิ้งอย่างไม่ใยดีจากนั้นก็ปาใส่หน้าน้ำแล้วเดินออกไปด้วยความโมโห
น้ำก็ร้องไห้อย่างไม่หยุดถึงอยากจะหยุดแต่น้ำตาก็ไม่ยอมหยุดไหลเสียแล้ว
ในเช้ารุ่งขึ้นน้ำและนัทได้มานั่งรอทานอาหารที่โต๊ะ แม่ก็เดินเข้ามา
“นัทกินไปก่อนเถอะลูกแม่ทานไม่ลง” แม่ทำท่าจะเดินออกไป
น้ำก็ลุกขึ้นยืน “ไม่ต้องหรอกคะแม่ เดี๋ยวหนูไปเอง”
น้ำรู้ดีว่าตนเข้าหน้าแม่ไม่ติดเพราะเรื่องค่าโทรศัพท์จึงเดินออกจากบ้านไปด้วยหัวใจที่เก็บความทุกข์มากมายเอาไว้
“มีอะไรกันเหรอครับ”
นัทถามขึ้นมาอย่างสงสัยเพราะไม่รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น
“ไม่มีอะไรหรอกลูก แค่คนที่ไม่รู้จักกตัญญู
ทั้งที่รู้ว่าเราไม่ค่อยรวยแต่ก็ยังใช้เงินเกินตัว
แถมยังมาโทษน้องตัวเองได้ลงคอ” แม่พูดออกมาอย่าโมโห
“พี่น้ำเขาโทษอะไรผมเหรอครับ” นัทถามอย่างโกธร ๆ
เมื่อรู้ว่ามีการกล่าวถึงตนด้วย
“ก็เค้าโทษว่าลูกเป็นคนใช้โทรศัพท์ของเดือนที่แล้ว” แม่บอก
“อ้อ ครับเดือนที่แล้วผมไปขอมือถือแม่จากพี่เค้ามาใช้เอง ทำไมเหรอครับ
มันแพงมากเลยเหรอ” นัทถามออกมาอย่างซื่อ ๆ
แม่ก็ชะงักเมื่อรู้ว่าอะไรเป็นอะไร “เพล้ง!!!”
ทั้งสองหันไปมองรูปน้ำตอนสมัยเด็ก ๆ ร่วงลงมาแตก “อ๊อดดดดดด”
เสียงออดหน้าบ้านดังขึ้น
นัทวิ่งออกไปดูแล้วรีบวิ่งเข้ามาด้วยความตกใจ “แม่ครับตำรวจมา”
ทั้งสองออกไปพบตำรวจพร้อม ๆ กัน “มีอะไรเหรอคะ”
แม่ถามด้วยน้ำเสียงกังวลเพราะรู้สึกไม่สบายใจ
“คุณเป็นญาติกับนางสาวน้ำทิพย์หรือเปล่าครับ”
หัวใจของหญิงสาวกระตุกขึ้นมา “คะ ดิฉันเป็นแม่ของเขา”
น้ำเสียงที่บอกถึงอารมณ์ที่ไม่ปกติ
“ผมคงต้องขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ
คือลูกคุณถูกรถชนเสียชีวิตเมื่อกี้นี้ครับ ตอนนี้ศพอยู่ที่โรงพยาบาล
ผมขอตัวก่อนนะครับ” ตำรวจเดินจากไป
“ไม่จริง นัทแม่หูฝาดไปใช่ไหมลูก แม่หูฝาดไปใช่ไหม”
เสียงที่สั่นดังขึ้นพร้อมกับเขย่าตัวลูกชายที่ยืนนิ่ง ๆ
“ ไม่ครับ แม่ไม่ฝาดหรอกครับ” นัทบอกด้วยความรู้สึกที่ไม่แตกต่างไปจากแม่เลย
ที่โรงพยาบาลแม่กอดศพของน้ำพร้อมกับร้องไห้น้ำตาไหลออกมาจนจะไม่มีอีกแล้วถ้าหลั่งเลือดต่อออกมาได้ก็คงหลั่งออกมา
“น้ำ แม่ขอโทษ แม่รู้ว่าแม่ผิดที่ฟังไม่หนู น้ำตื่นขึ้นมาสิลูก
ลูกอยากจะเรียนอะไรก็เรียนไปเลยแม่ไม่ว่าหรอกลูกอยากได้อะไรแม่ก็จะให้ขอเพียงลูกตื่นขึ้นมา
น้ำฟื้นขึ้นมาสิลูก น้ำลูกแม่”
ร่างที่นอนไร้วิญญาณถูกเขย่าจนบุรุษพยาบาลต้องจับตัวออกมา
นัทก็ได้แต่นั่งเศร้าพูดอะไรไม่ออกอยู่ด้านนอก
หลังจากเสร็จงานศพแม่ได้แต่นั่งเหม่อคิดถึงลูกสาวอยู่ในห้องของน้ำ
นัทก็เดินเข้ามาหา “แม่ครับทานข้าวเถอะครับ
แม่ไม่ได้ทานอะไรมาหลายวันแล้วนะครับ นัทเดินมานั่งข้างๆ
แม่แต่แม่ก็ยังคงนั่งเฉย
นัทก็เงยหน้าขึ้นไปบนตู้หนังสือของน้ำก็เห็นสมุดเล่มหนึ่งแตกต่างจากเล่มอื่นจึงลุกขึ้นหยิบมาดูก็พบว่าเป็นไดอารี่ของพี่สาวตน
นัทจึงยื่นให้แม่ แม่จึงเปิดอ่านอย่างเศร้าใจ
‘พ่อค่ะแม่ค่ะวันนี้หนูดีใจจังเลยจะได้มีน้องกับเขาแล้ว…วันนี้พ่อกับแม่ชมหนูอีกแล้ว…เย้
น้องเกิดแล้วหนูดีใจจังที่แม่ยอมให้หนูตั้งชื่อว่าน้องว่านัท…วันนี้น้องนัททำข้าวหกแม่เลยดุหนู
แต่หนูก็รักแม่คะ…พ่อเสียแล้วเพราะอุบัติเหตุ
ทำไมหนูถึงรู้สึกหดหู่ยังนี้คะ แต่ก็คงจะสู้แม่ไม่ได้หรอก
หนูรู้ว่าแม่เสียใจกว่าหนูมากมาย
หนูสงสารแม่จังคะ…วันนี้หนูได้ทำให้แม่ยิ้มได้หลังจากที่พ่อเสียไป
หนูมีความสุขน่ะที่เห็นรอยยิ้มของแม่…เย้ วันนี้ขึ้นม.ต้นวันแรก
สนุกจังเลย
หนูหวังว่าหนูจะเรียนให้แม่ภูมิใจได้นะคะ…แม่คะหนูรู้ว่าหนูผิดที่เรียนตกแต่หนูก็พยายามแล้วนะคะ
หนูขอโทษคะที่หนูทำให้แม่ผิดหวัง
แม่จะว่าหนูยังไงแต่หนูก็รักแม่คะ…ใกล้ถึงวันเกิดแม่แล้วหนูจะมอบผ้าห่มเป็นของขวัญให้แม่นะคะ
หนูถักเองเลยตั้งแต่ม.4 ปีนี้ก็เสร็จแล้ว
หนูจะได้มอบให้แม่แล้ว…แม่คะหนูไม่เข้าใจเลยว่าทำไมแม่ถึงไม่ยอมฟังหนูบ้าง
หนูหวังว่าเราคงจะได้คืนดีกันนะคะ หนูรักแม่คะ’
หยาดน้ำตาหยดลงในกระดาษหน้าสุดท้ายที่เขียนด้วยลายมือที่สวยงาม
นัทสงสารแม่มากจึงเข้ากอดแม่ด้วยความรัก
แต่แล้วสายตาก็หันไปเห็นผ้าห่มที่ถูกฉีกขาดออกกองอยู่ข้าง ๆ เตียง
“เอ๊ะ! นี่มันของขวัญที่พี่ถักให้แม่นี่ครับ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ละ
เห็นพี่บอกว่าถักตั้งแต่ ม.4” นัทหยิบขึ้นมา
แม่ก็หันไปมองแล้วก็นึกถึงวันที่ตนเข้ามาต่อว่าลูกสาวแล้วฉีกผ้าชิ้นนี้ด้วยความโมโห
จึงดึงผ้ามาจากมือนัทแล้วซบหน้าลงกับผ้าผืนนั้น “แม่ขอโทษ...น้ำ”
เสียงสะอึกสะอื้นดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับถ้อยคำที่พร่ำบอกอย่างเบา ๆ
 |
|
โดยคุณ ic018 (126) [พฤ. 29 พ.ค. 2551 - 11:27 น.] | |
|