ร่วมเสนอความคิดเห็น

หัวข้อกระทู้ : สอบถามพี่ๆที่รู้กฏหมายหน่อยครับ

(D)
พอดีผมมีปัญหานิดนึงอยากได้คำตอบหน่อยครับ ปัญหามีอยู่ว่า หากแฟนผมให้เงินเพื่อนยืมไป โดยตอนให้ยืมนั้นเพราะเห็นว่าเป็นเพื่อนและกำลังมีปัญหาเดือดร้อนคิดว่ามันมีเงินเดือน2หมื่นบาทได้น่าจะใช้คืนได้หมดสัก1ปี จำนวนเงินประมาณ 2 แสน บาท แล้วมีการทำสัญญาเงินกู้เอาไว้แล้ว หากคู่กรณีมีการผิดสัญญาที่เคยตกลงแต่ตกลงกันแค่เป็นคำพูดเคยจ่ายให้เดือนละ หมื่นกว่าบาท แต่กลายเป็นจ่ายนิดหน่อย บางเดือนก็ไม่จ่ายเลย ผมกับแฟนเลยคิดจะฟ้อง ปัญหาที่อยากถามมีดังนี้นะครับ
1.หากฟ้องโอกาสจะชนะน่าจะมีใช่ไหมครับ โดยผมเคยได้ยินศาลจะมีการบังคับให้คู่กรณีจ่ายเป็นเดือนพร้อมดอกโดยอาจจะแบ่งเป็นงวดๆใช่ไหมครับ ตามที่คู่กรณีพอหาใช้ให้ได้ใช่ไหมครับ
2.ถ้าหากเราอยากได้เงินก้อน แล้วคู่กรณีไม่มีจ่าย ศาลจะสั่งจำคุกได้ไหมครับ เคยได้ยินว่าศาลสั่งจำคุกโดยหารตามจำนวนวันคิดจำนวนเงิน หารวันยังไงครับ
3.กรณีฟ้องเป็นบุคคลล้มละลายต้องจำนวนเงินเท่าไหร่ขึ้นไปครับ
4.โดยหากต้องการฟ้องร้องควรมีหลักฐานใดๆเพิ่มเติมอีกไหมครับ เพื่อเพิ่มโอกาสในการชนะครับ
5.มีเวบอะไรที่แนะนำด้านกฏหมายบ้างครับ หรือปรึกษาสำนักงานกฏหมายที่ไหนที่จะแนะนำเราได้บ้าง
6.หากมีคำแนะนำเพิ่มเติมก็ได้ครับ

ขอบคุณพี่ๆที่ให้คำตอบและช่วยแนะนำครับ

โดยคุณ seng9991 (308)  [ส. 31 พ.ค. 2551 - 16:07 น.]



โดยคุณ อ้วนดำเด้ง (955)  [ส. 31 พ.ค. 2551 - 18:43 น.] #294747 (1/3)
http://www.thaijustice.com/webboard.asp

ลองเข้าไปถามในเวปนี้ครับ เซียนกฎหมายทั้งนั้น

โดยคุณ totomontree (215)  [จ. 02 มิ.ย. 2551 - 21:07 น.] #295906 (2/3)
แนะนำจากความรุ้ที่พอมีอยู่บ้าง
1.กู้ยืมเงินหากเกินกว่า 2000.-บาท แล้วต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ จึงฟ้องร้องบังคับคดีได้
2.กรณีนี้เป็นคดีแพ่งว่าด้วยกุ้ยืม ไม่มีโทษจำคุก และไม่มีการหักวันจำคุกหรือหักวันต้องโทษได้ ก็กรณีที่คำนวณวันเป็นเงินนั้น ใช้กรณีคดีอาญาที่มีค่าปรับแล้วไม่ชำระค่าปรับต่อศาลเท่านั้น
3.ฟ้องล้มละลายบุคคลธรรมดาต้องเป็นหนี้กันไม่น้อยกว่า 1 ล้านบาท และเป็นหนี้ที่มีหลักฐาน
4.หลักฐานในการฟ้องร้องก็เช่น สัญญากุ้ยืมเงิน หนังสือรับสภาพหนี้ เป็นต้น
5.เวปแนะนำมีหลายเวปลองเข้าเวปเนติบัณฑิตยสภาหรือเวปกฎหมายอื่นก็ได้
6.ลองคุยกันดีๆ ก่อนก็ได้ เผื่อมีทางออกร่วมกันดีๆ

โดยคุณ chat1 (492)  [พ. 04 มิ.ย. 2551 - 20:46 น.] #296907 (3/3)
เพิ่มเติมให้นิดนึ่งครับเพื่อเป็นความรู้กันไหน ๆ ก็ถามกันมาแล้วต่อจากคุณtotomontreeเลยครับ ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า
**สัญญากู้ยืมเงิน เกิดจากการที่บุคคลซึ่งเรียกว่า "ผู้กู้"มีความต้องการที่จะใช้เงินแต่ตนเองไม่มีเงินพอหรือไม่มีเงินจึงไปขอกู้ยืมจากบุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่า"ผู้ให้กู้"และตกลงว่าจะใช้เงินคืนภายในกำหนดระยะเวลาใดเวลาหนึ่ง การกู้ยืมจะมีผลสมบูรณ์ต่อเมื่อมีการส่งมอบเงินที่ยืมให้แก่ผู้ที่ยืม ในการกู้ยืมนี้ผู้ให้กู้จะคิดดอกเบี้ยหรือไม่ก็ได้ แต่ถ้ามีการคิดดอกเบี้ยต้องไม่เกินกฏหมายกำหนดคือไม่เกินร้อยละ 15 ต่อปี (1.25 ต่อเดือน) ถ้าคิดดอกเบี้ยเกินกว่านี้ จะถือเป็นโมฆะ (เฉพาะดอกเบี้ย)ตามพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา
**ดังนั้นหลักฐานการกู้ยืมที่ดีที่สุดที่จะใช้เป็นหลักฐานบังคับคู่กรณีและใช้เป็นหลักฐานการฟ้องร้องเป็นคดีหรือบังคับคดีกันในกรณีที่ผู้กู้ไม่ปฏิบัติตามสัญญา (หรือภาษาชาวบ้านมักใช้คำว่าเบี้ยวหนี้นั่นเอง)ก็คือการทำเป็นหนังสือ หรือ ที่เรียกกันว่า หนังสือสัญญากู้ยืมเงินตามที่กล่าวมาข้างต้นนั่นแหละครับ ในหลักฐานการกู้เป็นหนังสือ ต้องมีข้อความแสดงว่าได้มีการกู้ยืมเงินเป็นจำนวนเท่าใด มีกำหนดใช้คืนกันเมื่อใด ที่สำคัญอย่างยิ่งจะต้องมีการลงลายมือชื่อผู้กู้เป็นสำคัญ และมีการส่งมอบเงินที่ให้กู้ยืมด้วย ผลจึงจะสมบูรณ์ตามกฏหมาย/ ดังนั้นตามกฏหมายใหม่กำหนดให้การกู้ยืมเงินเกินกว่า 2,000 บาท จะต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ มิฉะนั้นจะฟ้องบังคับคดีหาได้ไม่
**อายุความ การฟ้องเรียกเงินคืนตามสัญญากู้ยืม จะต้องกระทำภายในกำหนด 10 ปี นับแต่วันที่ถึงกำหนดการชำระเงินคืนหรือเรียกว่าวันนัดชำระหนี้เงินกู้ยืมนั่นเอง เมื่อลูกหนี้ผิดนัดไม่ชำระหนี้ตามกำหนดเวลา ก็จะถือว่าลูกหนี้ผิดนัด อายุความก็จะเริ่มนับ
**เสริมให้นิดนึงครับ ในกรณีของพี่ท่านนี้ แนะนำให้ยื่น NOTICE (หนังสือบอกกล่าวทวงถาม)ให้ลูกหนี้ปฏิบัติการชำระหนี้ภายในระยะเวลาอันควรเสียก่อน เมื่อลูกหนี้ไม่ปฏิบัติตามหนังสือบอกกล่าวทวงถาม จึงค่อยมาใช้สิทธิทางศาลครับ ทำตามขั้นตอนนี้ก่อนอาจได้เงินคืนเร็วขึ้นครับและเสียค่าใช้จ่ายน้อย
**เกร็ดความรู้เล็ก ๆ น้อย ๆ ครับหวังว่าคงเป็นประโยชน์กันบ้างครับ ข้ออื่น พี่ ๆ คงตอบกันหมดแล้ว ตามนั้นแหละครับ**

!!!! กรุณา Login ก่อนจึงจะเสนอความคิดเห็นได้ !!!


Copyright ©G-PRA.COM
www1