ร่วมเสนอความคิดเห็น

หัวข้อกระทู้ : โอ้โห! “กิ้งกือมังกรสีชมพู” สัตว์ตัวจิ๋วแต่แจ๋ว



(D)


โอ้โห! “กิ้งกือมังกรสีชมพู” สัตว์ตัวจิ๋วแต่แจ๋ว เพราะสร้างชื่อให้ประเทศไทยด้วยการติดอันดับโลกของสุดยอดการค้นพบสิ่งมีชีวิตชนิดใหม่ในโลก นักวิจัยเผยพบในไทยเพียงแห่งเดียว แต่ไม่ระบุจังหวัด หวั่นถูกมนุษย์จับไปขายต่างชาติที่พิสมัยสัตว์แปลกพิสดาร หวังคนสนใจกิ้งกือไส้เดือนมากขึ้นเพราะเป็นสัตว์หน้าดินที่มีประโยชน์ยิ่ง

ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) แถลงข่าวสุดยอดการค้นพบสิ่งมีชีวิตชนิดใหม่ของไทยที่ติดอันดับโลกเป็นครั้งแรก จากการค้นพบ "กิ้งกือมังกรสีชมพู" (Shocking Pink Millipede) โดยกลุ่มสมาชิกชมรมคนรักกิ้งกือ และศึกษาวิจัยจนได้รับการตีพิมพ์ในวารสารนานาชาติโดยคณะวิจัยของ ศ.ดร.สมศักดิ์ ปัญหา ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. 2551 ซึ่งผู้จัดการวิทยาศาสตร์และสื่อมวลชนอื่นๆ ได้ร่วมในงานแถลงด้วย

ศ.ดร.สมศักดิ์ เปิดเผยว่า คนทั่วไปมักไม่ค่อยชอบและไม่สนใจสิ่งมีชีวิตจำพวกกิ้งกือและไส้เดือน และมีไม่น้อยที่สัตว์เหล่านี้ถูกคนส่วนใหญ่เหยียบตายอย่างไม่ใยดี เพราะไม่เป็นคุณค่าและประโยชน์ของพวกเขา อีกทั้งบางส่วนยังเข้าใจผิดว่ากิ้งกือกัดคนได้ แท้ที่จริงแล้วไม่มีกิ้งกือชนิดไหนที่กัดคนจนเป็นอันตรายได้ อีกทั้งกิ้งกือไส้เดือนเป็นสัตว์ที่มีประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมาก จึงเกิดการรมกลุ่มเป็นชมรมคนรักกิ้งกือและพยายามเปลี่ยนทัศนคติของคนทั่วไปให้เห็นความสำคัญของกิ้งกือด้วย ซึ่งศ.ดร.สมศักดิ์ ก็เป็นหนึ่งในสมาชิกและอุปนายกของชมรม

กิ้งกือมังกรสีชมถูกค้นพบโดยสมาชิกในชมรมคนรักกิ้งกือเมื่อเดือน พ.ค. 2550 พบในบริเวณป่าเขาหินปูนแถบภาคกลางตอนบนต่อกับภาคเหนือตอนล่าง และพบในประเทศไทยเพียงแห่งเดียวในโลก เมื่อ ศ.ดร.สมศักดิ์ นำมาศึกษาวิจัยภายใต้โครงการวิจัยกิ้งกือและไส้เดือนดิน และร่วมกับ ศ.เฮนริค อิงฮอฟ (Henrik Enghoff) ผู้เชี่ยวชาญด้านกิ้งกือมือหนึ่งของโลกแห่งมหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก พบว่าเป็นกิ้งกือชนิดใหม่ของโลกและให้ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า เดสโมไซเตส เพอร์พิวโรเซีย (Desmoxytes purpurosea) และได้ตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสารนานาชาติ ซูแทกซา (Zootaxa) ตั้งแต่ปี 2550

กระทั่งเมื่อวันที่ 23 พ.ค. 2551 สถาบันไอไอเอสอี (International Institute for Species Exploration: IISE) มหาวิทยาลัยรัฐแอริโซนา (Arizona State University) สหรัฐฯ ประกาศให้กิ้งกือมังกรสีชมพูเป็นสุดยอดการค้นพบสิ่งมีชีวิตชนิดใหม่อันดับที่ 3 ของโลก รองจากการค้นพบปลากระเบนไฟฟ้าในแอฟริกาและการค้นพบฟอสซิลไดโนเสาร์ปากเป็ดอายุ 75 ล้านปี ในสหรัฐฯ ซึ่งได้อันดับที่ 1 และ 2 ตามลำดับ

เหตุที่ได้ชื่อว่ากิ้งกือมังกรสีชมพูนักวิจัยอธิบายกับผู้จัดการวิทยาศาสตร์และสื่อมวลชนว่า เพราะอยู่ในวงศ์กิ้งกือมังกรหรือพาราดอกโซโซมาติดี (Paradoxosomatidae) และมีสีชมพูสดใสแบบช็อคกิงพิงค์ (shocking pink) และมีลักษณะโดดเด่นด้วยลวดลายและปุ่มหนามคล้ายมังกร พบได้ในป่าที่มีความชุ่มชื้นสูงและอุดมสมบูรณ์ เมื่อโตเต็มวัยจะมีลำตัวยาวประมาณ 7 ซม. มีจำนวนปล้องราว 20-40 ปล้อง และสามารถขับสารพิษประเภทไซยาไนด์ออกมาจากต่อมขับสารพิษข้างลำตัวเพื่อป้องกันตนเองจากศัตรูธรรมชาติจำพวกสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็ก เช่น หนู

อย่างไรก็ดี ศ.ดร.สมศักดิ์ เตือนว่าสารไซยาไนด์ที่กิ้งกือมังกรสีชมพูขับออกมามีปริมาณน้อยเกินกว่าที่จะเป็นอันตรายต่อคนได้ แต่ทางที่ดีก็ควรป้องกันไว้ก่อนโดยไม่ไปแตะต้องหากพบเห็นในธรรมชาติ

ผู้จัดการวิทยาศาสตร์ถามย้ำอีกครั้งว่าสถานที่ค้นพบกิ้งกือมังกรสีชมพูแห่งแรกอยู่ในจังหวัดใด นักวิจัยบอกว่าไม่อยากระบุให้ชัดเจน เนื่องจากกังวลว่ากิ้งกือชนิดนี้จะถูกรบกวนจากกลุ่มบุคคลที่ลักลอบจำหน่ายสัตว์แปลกประหลาดหายาก ศ.ดร.สมศักดิ์ บอกกับผู้จัดการวิทยาศาสตร์ว่ากิ้งกือมังกรสีชมพูนี้ถูกตั้งราคาขายผ่านทางอินเทอร์เน็ตไว้ประมาณ 30 ยูโร หรือราว 1,500 บาท

ศ.ดร.สมศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้าการค้นพบกิ้งกือมังกรสีชมพู นักวิจัยในโครงการวิจัยกิ้งกือและไส้เดือนดิน เคยพบกิ้งกือชนิดใหม่ของโลกมาแล้วหนึ่งชนิดคือกิ้งกือหินปูนใน จ.สระบุรี เมื่อปี 2549 ซึ่งขณะนี้ก็กำลังศึกษาวิจัยการใช้ประโยชน์จากกิ้งกือในการทำปุ๋ยอินทรีย์อยู่ด้วย

ศ.ดร.สมศักดิ์ บอกกับผู้จัดการวิทยาศาสตร์อีกว่าการค้นพบกิ้งกือมังกรสีชมพูติดอันดับโลกจะสร้างชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือให้กับประเทศไทย แสดงให้เห็นว่าคนไทยมีความสามารถ ประเทศไทยยังมีทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์อยู่อีกมาก

ศ.ดร.วิสุทธิ์ ใบไม้ ผอ.โครงการพัฒนาองค์ความรู้และศึกษานโยบายการจัดการทรัพยากรชีวภาพในประเทศไทย (บีอาร์ที) กล่าวเพิ่มเติมว่า สัตว์หน้าดินขนาดเล็กอย่างกิ้งกือและไส้เดือนช่วยทำให้ดินอุดมสมบูรณ์ไปด้วยแร่ธาตุอาหารต่างๆ ได้ ทำให้เกิดปุ๋ยอินทรีย์ตามธรรมชาติ และมีความสำคัญอย่างยิ่งในระบบนิเวศน์ ถือได้ว่าเป็นสิ่งมีชีวิตพื้นฐานที่สร้างความมั่นคงให้กับดิน น้ำ และระบบนิเวศน์ เป็นฐานในการพัฒนาด้านการเกษตรที่จะพัฒนาประเทศชาติต่อไป

“อยากให้การค้นพบสัตว์เล็กๆ อย่างกิ้งกือมังกรสีชมพูเป็นสิ่งที่จุดประกายให้คนหันมาสนใจและใส่ใจกับทรัพยากรธรรมชาติให้มากขึ้น” ศ.ดร.วิสุทธิ์ กล่าวทิ้งท้าย

โดยคุณ brain (160)(2)   [พ. 11 มิ.ย. 2551 - 08:15 น.]



โดยคุณ yuirayong (5.7K)  [พ. 11 มิ.ย. 2551 - 08:25 น.] #300259 (1/16)
แล้วตัวล่าง ข้างหน้าเป็นแบบไหน

โดยคุณ wichean15 (6.1K)  [พ. 11 มิ.ย. 2551 - 08:26 น.] #300260 (2/16)

โดยคุณ pattana2522 (181)  [พ. 11 มิ.ย. 2551 - 09:53 น.] #300309 (3/16)

โดยคุณ podsung (364)  [พ. 11 มิ.ย. 2551 - 10:15 น.] #300320 (4/16)
ข้างล่างกิ้งกือสีทองครับ แต่ผมให้มากกว่า "สีทอง" เพื่อให้ได้อรรถรสกรุณาผวนด้วยครับ

โดยคุณ yuirayong (5.7K)  [พ. 11 มิ.ย. 2551 - 10:42 น.] #300332 (5/16)
จับนอนท่าเดียวกันน่าดูกว่านะ

โดยคุณ Chiu2002 (5.5K)  [พ. 11 มิ.ย. 2551 - 11:07 น.] #300346 (6/16)

โดยคุณ เปิดกรุ (529)(1)   [พ. 11 มิ.ย. 2551 - 11:50 น.] #300362 (7/16)
.................โถ่...แน่จิงหันมาดิ.........

โดยคุณ pusit (1.7K)  [พ. 11 มิ.ย. 2551 - 11:56 น.] #300367 (8/16)

โดยคุณ apimuk (1.5K)  [พ. 11 มิ.ย. 2551 - 13:09 น.] #300405 (9/16)
ตัวบนเห็นแล้วต้องกระทืบก่อน.......ปลอดภัยไว้ก่อน
ตัวข้างล่างเห็นแล้วต้องต้อนเข้าบ้าน......เลี้ยงไว้ดูเล่น
จริงไหม อ. ภู

โดยคุณ Chew_JJ (3.6K)  [พ. 11 มิ.ย. 2551 - 14:15 น.] #300431 (10/16)

โดยคุณ pomkaew (15.8K)  [พ. 11 มิ.ย. 2551 - 15:00 น.] #300450 (11/16)

โดยคุณ tankhun (897)  [พ. 11 มิ.ย. 2551 - 19:51 น.] #300553 (12/16)

โดยคุณ คอปแมน (46.8K)  [พฤ. 12 มิ.ย. 2551 - 06:23 น.] #300703 (13/16)
**ท่าน apimuk กระทืบแบงค์พันเลยนะนั่น เห็นว่าประกาศซื้อตัวละพันกว่า
แต่ผมเห็นท่าจะกระทืบตัวข้างล่างก่อนครับ บอกให้มันอยู่บ้าน
ออกมาแร...อีกแล้ว

โดยคุณ R9999 (8.6K)  [พฤ. 12 มิ.ย. 2551 - 19:36 น.] #301017 (14/16)
จะเอาตัวล่าง.....

โดยคุณ apimuk (1.5K)  [พฤ. 12 มิ.ย. 2551 - 20:54 น.] #301045 (15/16)
แหมท่าน คอปแมน ให้ตัวละตั้งพันบาท แถวบ้านผมมีเยอะครับ(แต่ต้องยอมสีหน่อย)
ขนาดตัวยาวแค่ 1 นิ้ว เคยโดนมันกินที่ต้นขาใกล้จุดสำคัญ ปวด,แสบ,ร้อน แก้ผ้าออกแทบไม่ทัน(ตลาดนัดแถวบ้าน)กลับบ้านทายาหม่อง ทาที่เดียวแต่เสียว 2 ที่ เพราะอยู่ใกล้กัน ผู้ชายเท่านั้นที่รู้ดี นับแต่นั้นเป็นต้นมาเห็นเมื่อไร...กระทืบลูกเดียว

โดยคุณ คอปแมน (46.8K)  [ศ. 13 มิ.ย. 2551 - 13:54 น.] #301367 (16/16)
เคยครับยาหม่องถูกลูกปะโป่น...เกือบตายแน่ะ ร้อนเหมือนไฟเผาต้องรีบล้างน้ำ
ไอ้ที่ว่าตัวละพันนะ หนังสือพิมพ์ลงครับ ว่าในเวป(ไหนก็ไม่รู้) ประกาศซื้อแต่ต้องเป็นพันธ์สีชมพูนะ

!!!! กรุณา Login ก่อนจึงจะเสนอความคิดเห็นได้ !!!


Copyright ©G-PRA.COM
www1