(D)
เด็กสองสามคน กำลังไล่ขว้างปา สุนัขตัวหนึ่ง ให้ออกพ้นไปจากร้านอาหารที่มีคนนั่งดื่มกินอยู่...อาจฟังดูแล้ว เป็นเรื่องธรรมดา แต่ที่น่าสงสารมาก คือ สุนัขตัวนั้น ไม่ธรรมดา...<br>
สุนัขตัวนั้น ค่อยๆ กระเถิบหนี ด้วยการตะกายขาหน้า เพียง สองขา<br>
ตั้งแต่ช่วงเอว สะโพก และขาหลังทั้งสองข้าง แหลก เหลว ลีบเล็ก ปราศจาก กำลังวังชา และความรู้สึก!<br>
ยิ่งตะกุยตะกายหนีห่างออกมาช้า ก็ยิ่งโดนหินที่เด็กๆ ขว้างปา ถูกบ้าง ไม่ถูกบ้าง..<br>
แต่จะเป็นเพราะโชค วาสนา หรือสื่อทางจิตอะไรบางอย่างไม่ทราบได้ ทำให้สุนัขตัวนั้น ค่อยกระเถิบ ถัดไถ มาทางรถที่ผมจอดไว้พอดี...<br>
<br>
หินเล็กๆ ก้อนหนึ่ง ถูกปาเฉี่ยวรถของผมไป นั่นจึงเป็นโอกาสดี ที่ผมจะได้ลุกออกมายืนเท้าเอว จ้องหน้าเด็กพวกนั้น...<br>
พอเห็นท่าไม่ดี เจ้าของร้านที่เป็นผู้ใหญ่หน่อย จึงออกมาห้ามปรามลูกหลานว่า<br>
"เฮ้ยๆ ระวังปาไปโดนรถเค้านะ..." เอ็ดลูกหลานเสร็จ ก็ไม่วายด่าว่า หมาต่อ..<br>
"ไอ้ ห่..นี่ ชอบเข้ามาขออาหาร รบกวนแขก เดี๋ยว กูทุบหัวให้ตายซะหรอก!!"<br>
<br>
ผมฟังแล้วก็เข้าใจ เจ้าของร้านอาหาร เห็นหมาตัวนี้ เข้าไปหาเศษอาหารในร้าน คงไม่พอใจ เพราะมีแขกมารับประทานอาหารแล้วเป็นที่รบกวน<br>
แต่ถ้าเป็นสุนัขจรจัดธรรมดา วิ่งหากินได้ ก็น่าเห็นใจเจ้าของร้าน<br>
แต่ตัวนี้ น่าสงสารเหลือเกิน มันพิกลพิการอย่างสุดๆ ไม่มีปัญญาหากินอะไรได้ เพียงขอแค่เศษอาหารตกหล่น เพียงเล็กน้อย เพื่อต่อชีวิต และลมหายใจ อีกสักระยะเท่านั้น<br>
<br>
เจ้าหมาเหมือนรู้ ที่ผมออกมาทำท่าห้ามปรามเด็กๆ ไม่ให้ขว้างปามัน<br>
มันมองหน้าผม และถัดคลานเข้ามานอนหมอบข้างรถ แววตาเป็นมิตร มองดูผมเหมือนขอบคุณ<br>
<br>
ก่อนผมจะขับรถมาจอดที่นี่ ผมเห็นร้านขายข้าวมันไก่ในตลาดเจ้าหนึ่ง น่ากินเหลือเกิน จึงแวะซื้อติดรถมาด้วยกล่องหนึ่ง ตั้งใจว่าเดี๋ยวเอนหลังสักงีบ ตื่นขึ้นมาก็ ได้เวลาเพล จะซัดข้าวมันไก่ริมทะเลให้สบายพุง<br>
แต่เมื่อเห็นหมาตัวนี้ ความน่าสงสาร ที่พิกลพิการ ร่างกายที่ซูบผอมเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก ผมคิดว่า ผมยอมเสียสละข้าวมันไก่กล่องนี้ให้เขาจะดีกว่า...<br>
"เจ้าเป๋...มา มากิน.."<br>
ผมเรียก พลางยื่นวางกล่องข้าวมันไก่ที่เปิดออกแล้ว วางไว้ใต้ต้นหูกวางข้างรถ<br>
เจ้าเป๋ ทำท่าเลิกลั่ก คงคิดว่าฝันไป กล้าๆ กลัวๆ แต่ก็ เมียงๆ มองๆ อยู่อย่างนั้น ไม่กล้ากิน<br>
ผมจึงค่อยๆ ย่องกลับเข้าไปในรถ เพื่อให้ห่างออกมาหน่อย เขาจะได้ไม่ระแวง<br>
สักพักเดียว เจ้าเป๋ฟัดข้าวมันไก่เรียบ ทั้งๆ ที่ผมลืมเหยาะน้ำจิ้มให้มัน<br>
พอกินเสร็จ ก็นั่งมองหน้าผมอีก เลียปากแผลบๆ จะขอบคุณ หรือบอกว่ายังไม่อิ่มก็ไม่ทราบได้ แต่หูกระดิกดุ๊กดิ๊กๆ ผมมาทราบภายหลังว่าที่มันไม่กระดิกหาง เพราะหางมันกระดิกไม่ได้ ไม่มีเส้นประสาทอะไร ที่จะสั่งการให้หางกระดิกได้แล้ว<br>
"เออ พอก่อน..เดี๋ยวพรุ่งนี้มาใหม่ จะซื้อมาฝากอีก.."<br>
ผมก็พูดบอกมันไปอย่างนั้น ไม่ทราบว่ามันจะฟังรู้เรื่องหรือเปล่า?<br>
แต่สักพัก มันก็นอน และผมก็เผลอหลับไป<br>
<br>
เวลา 10 ถึง 11 โมงเช้า ผมจะมาที่นั่นทุกวัน<br>
และทุกวัน ก็จะเห็น เจ้าเป๋ มานั่งรออยู่แล้ว มันทำท่าดีใจ ค่อยๆ กระเถิบเข้ามาหา เมื่อผมจอดรถเสร็จและเปิดประตูรถออก<br>
และเมื่อเจ้าเป๋กินเสร็จ มันก็จะนอนหมอบอยู่ใกล้ประตูรถที่ผมเปิดอ้าออก ใต้ต้นหูกวางต้นนั้น<br>
<br>
ผมได้เคยสอบถามคนกวาดถนน กวาดใบไม้แถวนั้นดู เขาเล่าเรื่องไอ้เป๋ให้ฟังว่า<br>
มันโดนรถหกล้อ ชน และทับไปบนช่วงสะโพกและขาหลังทั้งสองข้าง เลือดนองเต็มพื้นถนน...<br>
ไม่มีใครคิดว่ามันจะรอด มีคนลากมันไปทิ้งข้างกองไม้ริมถนน แต่ผ่านมาหลายวัน พวกกวาดถนนเห็นมันร้องครวญคราง จึงเอาเศษกระโหลกกะลา ตักน้ำจืดไปวางไว้ให้ นานๆ ที มีเศษอาหารจากกล่องข้าว ปิ่นโตข้าวที่เอามากินกัน ก็เอาไปกองทิ้งไว้ให้มัน ผ่านไปเป็นเดือน มันจึงเริ่มออกมาถัดไถ ไปหาเศษอาหารเองได้...ซึ่งผมสังเกตุดูตั้งแต่วันแรก มันก็คงไม่ค่อยได้กินอะไรเท่าไหร่ เพราะผอมเหลือเกิน<br>
<br>
ผมไปที่นั่นอยู่นาน เป็นเดือน และไอ้เป๋ ก็คุ้นเคย มันมารอรับผม ตรงตามเวลาทุกวัน มีบางอย่าง ที่บอกให้รู้ ว่าไอ้เป๋ มีความจงรักภักดี มีความกตัญญูและแสนรู้ไม่น้อยเลย<br>
ทุกครั้งที่ผมนอน ผมจะรำคาญมาก เพราะจะถูกปลุกให้ตื่น จากบรรดา พ่อค้าแม่ขาย ที่เดินกระเดียดกระจาด ขนมบ้าง ผลไม้บ้าง ข้าวเหนียวไก่ย่างบ้าง ร็อตเตอรี่บ้าง เข้ามาเรียกให้ซื้อหา โดยไม่สนใจ ว่าผมกำลังหลับอยู่...<br>
จนผมรำคาญมาก และแกล้งพูดกับไอ้เป๋ว่า...<br>
"ไอ้เป๋เอ๊ย...แกช่วย ดุ-เอ็ด พวกแม่ค้าขายของทีสิ..อย่าให้พวกเขามารบกวนฉัน เวลาฉันนอน..."<br>
เป็นเรื่องน่าแปลก ผมพูดอย่างนั้นได้ วันสองวัน<br>
ผมก็ต้องประหลาดใจเมื่อ...<br>
พอผมเอนตัวลงนอน ยังไม่ทันหลับดี ผมก็ได้ยินเสียงไอ้เป๋ขู่คำรามเบาๆ...<br>
ผมเหลือบเผยอเปลือกตาขึ้นมอง...<br>
มีแม่ค้าเดินเข้ามาใกล้รถนั่นเอง!!!<br>
พอแม่ค้าทำท่าจะเข้ามาใกล้ๆ อีกเพื่อเรียกปลุกให้ผมซื้อของ..<br>
คราวนี้ ไอ้เป๋ ขู่คำรามดังขึ้น และแยกเขี้ยวใส่...!!<br>
<br>
โอ...มหัศจรรย์จริงๆ ไอ้เป๋มันรู้ได้ยังไง ว่าผมต้องการให้มันทำอย่างนั้น!!<br>
<br>
ตั้งแต่นั้นมา ผมก็ได้หลับสบาย ไม่มีใครกล้ามากวนใจอีกเลย<br>
<br>
ไอ้เป๋ อ้วนท้วนขึ้นทุกวัน บางทีผมก็ไปที่ร้านข้าวขาหมู ขอซื้อ กระดูกหมูที่เขาเลาะเนื้อออกแล้วมาฝากมัน หมาจรจัดตัวอื่นๆ ก็คอยมาเมียงมอง จะแย่งกระดูกไอ้เป๋ แต่ยาก ไอ้เป๋ขู่เก่ง แยกเขี้ยว ทำตาเขียว ไอ้พวกนั้นก็หางตก ไม่กล้าเข้าใกล้<br>
<br>
พวกคนกวาดใบไม้ กวาดถนน แวะเวียนเข้ามาทักทายผมบ่อย ต่างก็ชื่นชม ที่ผมเป็นคนรักหมา ไม่รังเกียจหมาพิกลพิการอัปลักษณ์<br>
ผมก็ภูมิใจ และก็ดีใจที่อย่างน้อย ไอ้เป๋ ก็รอดตายมาจากคนใจบุญกลุ่มหนึ่ง..<br>
คนกวาดถนน ที่ลำบากยากไร้<br>
ตัวเขาเองก็หาเลี้ยงตัวเองแทบไม่พอกิน<br>
แต่ก็ยังมีเมตตา ต่อเพื่อนร่วมโลกที่กำลังลำบาก เอื้อเฟื้อ แบ่งปัน ตามมีตามเกิด<br>
เขาเคยพูดกับผมว่า หากบ้านเขาพอมีสตางค์ เขาก็จะเอามันไปเลี้ยงเหมือนกัน<br>
เขาพูดว่า...<br>
"ดีนะที่มันได้คุณมาเลี้ยงดูมัน ถึงมันจะโชคร้ายอย่างไร มันก็ยังมีบุญ ที่ได้มาเจอคุณ...."<br>
<br>
จากนั้นไม่นานนัก ผมก็เสร็จสิ้นภาระกิจ ที่ระยอง<br>
และงานต่อไป ก็ต้องไปทำต่อในจังหวัดที่ห่างไกลจากระยอง ไกลออกไปหลายร้อยกิโลเมตร<br>
ก่อนไป ผมได้ฝากไอ้เป๋ ไว้กับคนกวาดถนน<br>
ให้เขาช่วยเมียงมองมันบ้าง มีเศษอาหารเศษน้ำดื่ม ก็ช่วยเอามาทิ้งให้มัน<br>
เพราะคงอีกนานมาก ที่ผมจะได้กลับมาหามันอีก...<br>
<br>
วันสุดท้ายที่ผมจะจากมันไป ผมไม่ได้บอกร่ำลามันเลย เพราะไม่รู้ว่ามันจะเข้าใจหรือเปล่า? และวันนั้นก็ยุ่งมาก ต้องสะสางงานเก่าเยอะแยะไปหมด<br>
<br>
เวลาผ่านไปถึงสองเดือนเศษ...<br>
ผมจึงได้มีโอกาส กลับไปที่นั่นอีก<br>
หลังจากทำธุระเรียบร้อย ก็ไม่ลืมซื้อข้าวมันไก่ และขอเศษกระดูกหมู จากร้านเจ้าประจำ ตั้งใจจะเอาไปฝากเจ้าเป๋ ให้กินกันให้เต็มอิ่ม...<br>
<br>
ผมจอดรถที่เดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากนัก สำหรับหาดสวนสน<br>
คลื่นทะเล ยังคงซัดสาด แผ่วเบา สายลมยังคงโชยเฉื่อย พัดกลิ่นไอทะเลให้ได้รับรู้<br>
ผมเริ่มสอดส่ายสายตา มองหาไอ้เป๋..<br>
เดินไปดูตามกองไม้ มองเข้าไปตามร้านอาหาร...<br>
เดินดุ่มๆ เมียงมอง ชะเง้อหาอยู่พักใหญ่<br>
ก็มีเสียงดังเนิบๆ มาจากข้างหลังว่า...<br>
"คุณมองหาไอ้เป๋หรือ?..."<br>
ผมหันกลับมา อ๋อ คนกวาดถนน คนนั้นเอง<br>
"คุณไม่ต้องหาแล้วหล่ะ.." เขาพูดต่อ<br>
"ไอ้เป๋ มันตายแล้ว....."<br>
"หา....ว่าไงนะ..?" ผมถาม เหมือนได้ยินไม่ค่อยถนัด<br>
"ไอ้เป๋ มันตายได้ เกือบเดือนแล้ว..."<br>
<br>
"ตั้งแต่คุณไป มันมานั่งรอคุณทุกวัน รออยู่ใต้ต้นหูกวางต้นนั้น ไม่ยอมไปไหนเลย....ก่อนที่มันจะตาย ฝนตกมาก มันนอนซม อยู่อย่างนั้น ข้าวปลาไม่กิน...."<br>
<br>
"ฉันเอามันฝังอยู่ใต้ต้นหูกวางนั่นแหละ นั่นไง ดินยังฟูๆ อยู่เลย......"<br>
<br>
ข้าวมันไก่ และ กระดูกหมู ถูกวางไว้อย่างดี ใต้ต้นหูกวางนั้น<br>
ผมขับรถกลับด้วยใจที่แสนจะหดหู่ ปล่อยน้ำตาให้ไหลอาบแก้มเป็นทาง<br>
แต่คราวนี้ ก่อนจะมา ผมได้บอกไอ้เป๋ไว้แล้วว่า...<br>
<br>
"ไอ้เป๋ แกไม่ต้องรอฉันอีกแล้วนะ กินข้าวซะ กินกระดูกหมูซะ...กินให้อิ่ม แล้วหลับให้สบาย หากชาติหน้ามีจริง ขอให้แก ได้เกิดมาเป็นเพื่อนกับฉันอีก...."<br>
<br>
<br>
<img src="pic/crying.gif"> <img src="pic/crying.gif"> <img src="pic/crying.gif"> |