ร่วมเสนอความคิดเห็น

หัวข้อกระทู้ : ประวัติเงาะโรงเรียนนาสาร



(D)
อำเภอบ้านนาสาร เป็นพื้นที่ที่มี " ทรัพย์ในดิน สินในน้ำ " ใต้พื้นดินประกอบด้วยแร่บนดินมีผลไม้เงาะพันธุ์ต้นแรกของประเทศไทย

เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2480 นายเคหว่อง ชาวปินัง ได้เดินทางมาทำกิจการเหมืองแร่ดีบุก ที่อำเภอบ้านนาสาร โดยทำเหมืองที่บ้านเหมืองแกะและที่บ้านขุนทองหลาง โดยมีที่พักอาศัยอยู่ริมทางรถไฟ ( ปัจจุบันเป็นโรงเรียนนาสาร ) นายเคหว่อง ได้นำเงาะพันธุ์พื้นเมืองของปินังมานั่งรับประทานแล้วได้ทิ้งเมล็ดไว้ ( เงาะปินัง ผลใหญ่ ลักษณะทรงรี เปลือกหนา ผลสีแดงเข้ม ไม่หวาน ) ด้วยเหตุของดินที่ดีและมีความชุ่มชื้น อุณหภูมิพอเหมาะ ทำให้เมล็ดที่ถูกทิ้งไว้ งอกขึ้นมาประมาณ 3 ต้น เมื่อ นายเคหว่อง เลิกกิจการเหมืองแร่ ได้ขายบ้านพักพร้อมที่ดินให้กับทางราชการ สมัยนั้น ราคาประมาณ 1,200 บาท ต่อมาทางราชการได้ตั้งเป็นโรงเรียนชื่อโรงเรียน "นาสาร " โดยมี ครูแย้ม พวงทิพย์ เป็นครูใหญ่ ต้นเงาะทั้ง 3 ต้น ได้เจริญ งอกงาม ใหญ่โตขึ้นจากดินที่อุดมสมบูรณ์ และต่อมาได้ออกดอกติดผลจำนวนต้นเงาะทั้ง 3 ต้น มีอยู่ต้นหนึ่ง ผลของเงาะมีรสชาดหวาน กรอบ อร่อย ซึ่งแตกต่างจากพันธุ์ ให้กับพี่น้องชาวนาสารปลูกเป็นพืชเศรษฐกิจของอำเภอบ้านนาสาร และขยายพันธุ์ต่างจังหวัด โดยตั้งชื่อจากแหล่งกำเนิด คือ โรงเรียนนาสาร จึงใช้ชื่อว่า " เงาะโรงเรียน"




พื้นที่ส่วนใหญ่ของอำเภอบ้านนาสาร เป็นพื้นที่ราบลาดเอียง จากทิศตะวันออก ไปยังทิศตะวันตก มีเนินเขาและภูเขาเป็นบางส่วน อากาศร้อน มีฝนตกเกือบตลอดปี และเป็นแหล่งของต้นน้ำลำธารหลายสาย





สถานีตำรวจภูธรอำเภอบ้านนาสาร ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของจังหวัดสุราษฎร์ธานี ระยะทางประมาณ 42 กิโลเมตร ถึงตัวจังหวัดสุราษฎร์ธานี การคมนาคมติดต่อได้ ดังนี้

การคมนาคมทางบก ใช้รถยนต์ในการสัญจร และรถไฟ


ในเขตพื้นที่อำเภอบ้านนาสาร มีสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญหลายแห่ง เช่น
อุทยานแห่งชาติใต้ร่มเย็น ในอดีตเป็นพื้นที่แห่งความขัดแย้ง เมื่อเหตุการณ์สงบทางกรมป่าไม้ ได้พัฒนาเป็นอุทยานแห่งชาติใต้ร่มเย็น ซึ่งอุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ ไม้อันทรงคุณค่า ตั้งอยู่ที่ตำบลเพิ่มพูนทรัพย์ อำเภอบ้านนาสาร จังหวัดสุราษฎร์ธานี



เป็นน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดสุราษฎร์ธานี มีจำนวนชั้นมากกว่า 13 ชั้น ชั้นสูงสุดเป็นหน้าผาลาดชัน
ประมาณ 80 เมตร ในฤดูฝนน้ำจะไหลเต็มหน้าผาราวกับว่าจะลงมาจากฟากฟ้า จึงได้ชื่อว่า " น้ำตกดาดฟ้า " ชั้นที่สวยที่สุด
คือ ชั้นที่ 4 เรียกว่าชั้น " ดาดฟ้า" อยู่ในท้องที่หมู่ที่ 1 ตำบลลำพูน อำเภอบ้านนาสาร จังหวัดสุราษฎร์ธานี


ตั้งอยู่ที่บ้านเหมืองทวด ตำบลเพิ่มพูนทรัพย์ อำเภอบ้านนาสาร จังหวัดสุราษฎร์ธานี



เป็นถ้ำหินปูนขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ที่ชุมชน คลองหา - นาเตรียะ เขตเทศบาลตำบลนาสาร ห่างจาก
ตัวตลาดนาสาร ประมาณ 5 กิโลเมตร ภายในถ้ำประกอบด้วยหินย้อยตามธรรมชาติ งดงามมหัศจรรย์ ปานเทพเนรมิต

ตั้งอยู่ที่บ้านกอบแกบ ตำบลลำพูนอำเภอบ้านนาสาร สมเด็จพระเจ้า
ลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์อัครราชกุมารี ทรงมีพระราชดำริพัฒนาเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ตามธรรมชาติ ภายในโครงการ
มีสิ่งที่น่าสนใจ ประกอบด้วยสวนผีเสื้อ สวนดอกไม้แหล่งวนเกษตร เส้นทางเดินป่า

โดยคุณ brain (160)(2)   [จ. 28 ก.ค. 2551 - 10:21 น.]



โดยคุณ RIN101 (2K)  [จ. 28 ก.ค. 2551 - 11:01 น.] #326797 (1/17)
....โอ้โฮเยี่ยมครับท่าน อ.ภูษิตไอ้เกลอบ้าเจ้าบ้านหายไปไหน
..โดนเตะตูดซ่ะแล้วไอ้เกลอเอ๋ย...สมน้ำหน้า

โดยคุณ podsung (364)  [จ. 28 ก.ค. 2551 - 11:26 น.] #326807 (2/17)


(D)


ก้ออย่างนี้แหละ คน stoke ยาว ก้อชักช้าอย่างกี้เหละพี่ Rin 101 ท่านพี่ pusit มัวแต่เล่นของแปลกอยู่ เพื่อเลยสอยซะ

โดยคุณ pusit (1.7K)  [จ. 28 ก.ค. 2551 - 11:49 น.] #326826 (3/17)


(D)



โดยคุณ RIN101 (2K)  [จ. 28 ก.ค. 2551 - 11:53 น.] #326831 (4/17)


(D)
...กระทู้ดีมีสาระเยี่ยมมากครับ
...แบบนี้เอามาอีกอย่าพึ่งปล่อยหมดทีเดียวน่ะครับดี๋ยวตาลาย..ค่อยๆปล่อยมานานๆทีๆละช๊อตน่ะครับ

โดยคุณ pusit (1.7K)  [จ. 28 ก.ค. 2551 - 13:25 น.] #326872 (5/17)


(D)
น้อง brain ขอประวัติไข่เค็มด้วยค้าบ.............

โดยคุณ เด็กสังขละ (1.4K)  [จ. 28 ก.ค. 2551 - 14:07 น.] #326909 (6/17)
สุดยอดครับ

โดยคุณ brain (160)(2)   [จ. 28 ก.ค. 2551 - 14:33 น.] #326928 (7/17)
ไข่แดง เป็นนามเรียกลักษณะของไข่เค็มไชยา ของดีขึ้นชื่อของ อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นไข่เค็มที่มีชื่อเสียงกล่าวขวัญกันทั่วไป ไข่เค็มไชยาเป็นไข่เค็มที่ทำจากไข่เป็ดที่เลี้ยงในเขตอำเภอไชยา ซึ่งเป็นแหล่งเลี้ยงเป็ดขนาดใหญ่ ด้วยสภาพพื้นที่ที่เป็นทุ่งนา ทั้งยังติดกับชายฝั่งทะเล มีกุ้ง หอย ปู ปลาอุดมสมบูรณ์ อีกทั้งชาวบ้านยังเลี้ยงเป็ดโดยให้ข้าวเปลือกเป็นอาหารเสริม ส่งผลให้ไข่เป็ดมีไข่แดงสีแดงจัด ไข่แดงมีมากกว่าไข่ขาว สีสันมันวาว รสมัน ไร้กลิ่นคาว ชวนรับประทานกลายเป็นเอกลักษณ์พิเศษของไข่เค็มไชยา เมื่อนำมาทำไข่เค็มตามสูตรที่สั่งสมกันมาแต่โบราณ จึงทำให้ไข่เค็มไชยาเป็นสินค้าที่เป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของชาวไชยา และชาวสุราษฎร์ธานี มีจำหน่ายทั่วไปในจังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยเฉพาะที่อำเภอไชยา กลายเป็นสินค้าที่ขึ้นชื่อของจังหวัดและเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป

ประวัติ ความเป็นมา

เมืองไชยาเดิมนั้นอุดมสมบูรณ์ มีการทำนา ปลูกข้าว หรือเรียกได้ว่า “ในน้ำมีปลาในนามีข้าว” หรือ “มีข้าวเต็มนา มีปลาเต็มน้ำ” และประชาชนมีการเลี้ยงเป็ดกันทั่วไปตามหมู่บ้านต่างๆ ตำบลต่างๆ เพราะอาหารเลี้ยงเป็ดตามธรรมชาติมีมาก เช่น ข้าวเปลือก ลูกปลา หอย และอื่นๆ ในนาข้าวมีอุดมสมบูรณ์ ทำให้ชาวบ้านมีการเลี้ยงเป็ดปล่อยทุ่ง หากินในนาและรอบๆ บ้าน ไข่เป็ดเหลือจากการใช้บริโภคในครอบครัวนำไปขายในตลาดอำเภอไชยา ประชาชนในตลาดไชยา และที่อื่นๆ ซื้อไข่เป็ดไปประกอบอาหาร ทอด ต้ม แล้วไข่เป็ดซึ่งแดง มัน อร่อย เป็นที่พอใจแก่ผู้บริโภค ได้รับการบอกเล่าจากผู้สูงอายุว่าในสมัยที่รัฐบาลพยายามสร้างทางรถไฟสายใต้ มีคนจีนชื่อ นายจี่ แซ่ซิก เป็นช่างทำสะพานเหล็ก สร้างทางรถไฟสายใต้ตั้งแต่ ชุมพร-สุราษฎร์ธานี สืบเชื้อสายจากชาวจีนกวางตุ้ง เดิมอยู่ปากน้ำ อำเภอหลังสวน ได้มาตั้งบ้านเรือนอยู่ที่ดอนโรงทอง อำเภอเมืองไชยา สมัยนั้น คนจีนเก่งในการจัดทำอาหารรับประทานอยู่แล้ว เห็นไข่เป็ดไชยาแดง มัน อร่อย ก็คิดหาวิธีการว่า น่าจะนำไข่เป็ดไชยามาทำให้เป็นอาหารเก็บไว้นานๆ และมีรสอร่อย เดิมคนจีนและชาวไชยา ใช้ไข่เป็ดดองกับน้ำเกลือแล้วทิ้งไว้ระยะหนึ่งจึงนำมาต้มกินกับข้าวต้ม แต่มีรสเค็ม ไม่อร่อยต่อมามีผู้เล่าว่า มีการนำไข่เป็ดไปผังดินเค็มริมทะเลประมาณ 15 วัน แล้วนำมาล้างต้มกิน มีรสชาติดียิ่งขึ้น รับประทานกับข้าวต้มอร่อย มัน แต่การทำไม่สะดวก นายจี่ แซ่ซิก และครอบครัว อยู่ตลาดไชยา ได้คิดค้นหาวิธีการทำไข่เค็มโดยใช้ดินเหนียวผสมเกลือป่น ผสมในอัตราส่วนพอเหมาะ คลุกขี้เถ้าเก็บไว้นานพอประมาณ นำมาล้างแล้วต้มรับประทาน ทำเป็นอาหารอื่นๆ แล้ว ทำให้อร่อย แต่ข้อเสียของดินเหนียวคือ ไม่เกาะไข่มากนัก ในระยะต่อมา ได้ปรับปรุงหาวิธีการ โดยใช้ดินปลวกทำแบบเค็ม ทำให้ผลดี แต่นั้นมาครอบครัวของนายจีน แซ่ซิก ก็ทำไข่เค็มขายและขายได้ดี จึงทำให้คนอื่นๆ ในตลาดไชยาทำกันมากขึ้น อีกทั้งประชาชนเมืองอื่นๆ มาเที่ยวเมืองไชยา เช่น เมืองระนอง เมืองชุมพร เมืองหลังสวน ได้ซื้อไปรับประทานชอบอกชอบใจ ก็สั่งซื้อไปขายต่อเป็นที่แพร่หลาย สมัยแรกมีผู้ทำไข่เค็มไชยาหลายบ้าน เช่น บ้านนางเล็กเหี้ยว บ้านแม่กลับ ถิ่นธานี บ้านนางกิ้ม นายสืบ สวัสดิชีวิน และบ้านอื่นๆ กิจกรรมการทำไข่เค็มเป็นที่สนใจของประชาชนในเมืองไชยาและเมืองอื่นๆ พ่อค้าแม่ค้าได้นำไข่เค็มเมืองไชยาไปขายยังท้องถิ่นอื่นๆ ทำให้ไข่เค็มไชยาเป็นที่สนใจ และขายดีแพร่หลายขึ้นเรื่อยๆ ผู้ทำไข่เค็มอำเภอไชยาจึงทำเพิ่มมากขึ้น ประชาชนมีการเลี้ยงเป็ดมากขึ้นในปัจจุบัน โดยเฉพาะตำบลเลม็ด ตำบลเวียง และตำบลอื่นๆ ทำกันมาก
ปัจจุบัน ไข่เค็มไชยาเป็นที่รู้จักแพร่หลายของคนทั้งประเทศ เมื่อกล่าวถึงไข่เค็ม ทุกคนต้องนึกถึงอำเภอไชยา และสิ่งที่พิสูจน์ถึงชื่อเสียงและคุณภาพของไข่เค็มไชยาก็คือ การที่สภาอุตสาหกรรมจังหวัด และหอการค้าจังหวัด ได้คัดเลือกไข่เค็มไชยาเป็นผลิตภัณฑ์ดีเด่นของจังหวัด และคณะอนุกรรมการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้คัดเลือกให้ไข่เค็มไชยานั้นเป็นผลิตภัณฑ์ดีเด่น 10 อันดับแรก นอกจากนี้ ตำบลเลม็ด และตำบลเวียง ก็ได้คัดเลือกไข่เค็มเป็นผลิตภัณฑ์

โดยคุณ brain (160)(2)   [จ. 28 ก.ค. 2551 - 14:35 น.] #326932 (8/17)


(D)
อร่อยไม่เม้ม ไข่เค็มไชยา ใน “กบนอกกะลา”
25.7.2008
เพราะอะไรเมืองไชยาจึงกลายมาเป็นเมืองไข่เค็มที่ใครๆ ต่างก็พูดถึง ! ไข่เค็มไชยาหน้าตาเป็นอย่างไร ใครคือผู้อยู่เบื้องหลังความอร่อยของไข่เค็มไชยาตัวจริง “กบนอกกะลา” ศุกร์นี้มีคำตอบ
เมื่อเดินทางลงใต้บนเส้นทางสายเพชรเกษม ผ่านอำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี ริมสองข้างทางจะพบกับร้านขายไข่เค็มตั้งเด่นหลายร้อยร้าน เรียงรายนับ 10 กิโลเมตร ที่นี่คงถือได้ว่าเป็นถนนสายความเค็มและมีไข่เค็มมากที่สุดในประเทศไทย ไข่เค็มลูกกลมๆ ดำๆ ในกล่องสี่เหลี่ยมราคา 35 บาทนั้นเป็นภูมิปัญญาที่สืบทอดมาตั้งแต่รุ่นปู ย่า ตา ทวด จากการถนอมอาหารเพื่อเก็บไว้กินนานๆ ภายในครัวเรือนถูกพัฒนาคุณภาพและรสชาติความอร่อย จากการดองน้ำเกลือหรือแม้แต่นำไข่ฝังทรายที่ชายทะเลเพื่อให้ไข่มีรสชาติเค็ม กลายมาเป็นการใช้ดินจอมปลวกในการพอก ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่สามารถหาได้จากในท้องถิ่น จนกลายมาเป็นสินค้าเป็นอาชีพที่ทำให้คนไชยาเป็นที่รู้จักไปทั่วประเทศ
การทำไข่เค็มของชาวไชยานั้นใช้วัตถุดิบที่หาได้ในท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นดินจอมปลวกซึ่งก็จะขุดได้ตามหัวไร่ปลายนา ขี้เถ้าแกลบ แกลบที่หลงเหลือจากการทำนาผ่านกรรมวิธีการเผาพอสุก น้ำต้มสุก ไข่เป็ดสดแท้จากเล้าในหมู่บ้าน คงจะมีเพียงเกลือเท่านั้นที่จะต้องหาซื้อจากที่อื่น ทุกวัตถุดิบผ่านการคลุกเคล้าตามสูตร พอกลงบนเปลือกไข่ เก็บไว้ตามระยะเวลาที่กำหนดไข่เป็ดก็กลายเป็นไข่เค็มแสนอร่อย
แล้วการเลี้ยงเป็ดแบบสูตรไชยาเขาเลี้ยงกันอย่างไร เบื้องหลังความเค็มจะมีเรื่องราวชีวิตและภูมิปัญญาอะไรเข้ามาเกี่ยวข้องบ้าง และนอกจากความอร่อยและคุณค่าทางอาหารแล้วไข่เค็มยังจะมีคุณค่าอย่างไรให้กับคนเราอีกบ้างติดตามได้ใน
รายการ “กบนอกกะลา” วันศุกร์ที่ 25 กรกฏาคม เวลา 20.30 น. ทางโมเดิร์นไนน์ ทีวี
Prev


อาจารย์บอกผมช้าไปหน่อยครับ เพราะวันศุกร์ที่ผ่านมาเพิ่งจะมีประวัติของไข่เค็ม ที่รายการกลนอกกะลาครับ

โดยคุณ brain (160)(2)   [จ. 28 ก.ค. 2551 - 14:44 น.] #326940 (9/17)


(D)


บรรยากาศร้านบัวลอยไข่เค็ม แม่ค้าขะมักเขม้นกับการทำบัวลอย

"บัวลอย" คือขนมหวานแบบไทยๆที่ถึงแม้ว่าการทำบัวลอยนั้นจะไม่ยากเย็นอะไร แต่ว่าถ้าจะทำให้อร่อยนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเหมือนกัน ยิ่งปัจจุบันนี้ขนมไทยถูกทอดทิ้งทำให้บัวลอยรสอร่อยๆพลอยหากินยากไปด้วย แต่ว่านั่นไปใช่ปัญหาสำหรับ "ร้านบัวลอยไข่เค็ม" ที่ตั้งอยู่ตรงท่าน้ำคลองสานพลาซ่า ซึ่ง"ผ่านมาแวะกิน"หากไปแถวนั้นคราใดก็มักจะแวะเวียนไปกินบัวลอยรสเด็ดหรือไม่ก็ซื้อติดไม้ติดมือกับไปฝากคนที่บ้าน


บัวลอยไข่เค็ม

สำหรับร้านบัวลอยไข่เค็มที่ท่าน้ำคลองสานพลาซ่าร้านนี้ หากใครเป็นนักช้อปที่เคยไปเดินซื้อของที่ท่าน้ำคลองสานพลาซ่าแล้วละก้อ คงต้องสะดุดตากับร้านบัวลอยร้านเล็กๆร้านนี้ที่มีลูกค้ามุงซื้อบัวลอยที่ส่งกลิ่นหอมๆของบัวลอยยั่วจมูกอยู่กันบ้างล่ะ

ความโดดเด่นของบัวลอยร้านนี้ไม่ใช่แต่ในเรื่องของรสชาติเท่านั้น อีกอย่างหนึ่งที่ทำให้บัวลอยร้านนี้เด่นไม่เหมือนร้านไหนๆ นั่นก็คือ บัวลอยที่นี่มีด้วยกันถึง 7 สีด้วยกัน โดยได้มาจากการที่นำแป้งข้าวเหนียวมาผสมกับสีที่ได้มาจากพืชผักทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นสีเขียวทำมาจากน้ำใบเตย สีขาวได้จากเผือก สีฟ้าได้มาจากอัญชัน สีเหลืองจากฟักทอง สีม่วงทำมาจากข้าวเหนียวดำ สีส้มได้จากแครอท และสีชมพูได้มาจากบีทรูท ซึ่งจะไม่ใช้สีสังเคราะห์ในการทำอย่างเด็ดขาด เพราะว่าทางร้านคำนึงถึงสุขภาพของลูกค้า

หากว่าใครที่เป็นคอบัวลอยตัวจริงเมื่อมาถึงที่ร้านนี้แล้ว ขอแนะนำว่าต้องสั่ง บัวลอยไข่เค็ม (18บาท) มาลองลิ้มเป็นถ้วยแรกเลย บัวลอยหลากสีสันปั้นเป็นเม็ดเล็กๆ กลมๆ ดูน่ากิน และราดหน้ามาด้วยกะทิสีเขียวอ่อนที่ผสมกับน้ำใบเตย แล้วก็ยังมีเครื่องอย่างมะพร้าวอ่อนข้าวโพด แห้ว และเผือก ใส่มาด้วย (แต่ถ้าไม่ใส่ก็บอกได้) และที่สำคัญมีไข่เค็มลูกใหญ่สีส้มสดใส่มาทั้งลูก ได้ลองลิ้มชิมรสแล้ว สัมผัสได้ถึงความหอม หวาน ของบัวลอยที่แป้งบัวลอยเคี้ยวนุ่ม เข้ากันดีกับไข่เค็มที่ไม่ได้ออกรสชาติไม่เค็มอย่างที่คิด แต่ว่าออกรสชาติมันๆ เคี้ยวมันปากดี

ถ้าอาจารย์มากรุงเทพฯ โทรบอกด้วยนะครับ ผมเจ้าบ้านจะพาไปลองครับ

โดยคุณ pusit (1.7K)  [จ. 28 ก.ค. 2551 - 16:06 น.] #326993 (10/17)
@@ขอบคุณมากน้องรัก ไปกรุงเทพแล้วจะไปชิมครับ.........

โดยคุณ anan6699 (17K)  [จ. 28 ก.ค. 2551 - 17:17 น.] #327026 (11/17)
เยี่ยมคับ แบบนี้สงสัยคงได้รับรางวัลจาก อ.ภูษิต แน่ๆเลย

โดยคุณ HighwayStar (21)  [จ. 28 ก.ค. 2551 - 18:55 น.] #327096 (12/17)


(D)
สุดยอด.....

โดยคุณ พลธนธรณ์ (72)  [จ. 28 ก.ค. 2551 - 19:27 น.] #327115 (13/17)

โดยคุณ sakwangthong (74)  [จ. 28 ก.ค. 2551 - 21:42 น.] #327218 (14/17)
มาได้เรื่อยๆเลยนะพี่ brain ถูกใจทุกกระทู้ แจ๋วจริงๆ

โดยคุณ เอสเรวดี (758)  [จ. 28 ก.ค. 2551 - 22:08 น.] #327247 (15/17)
ขอบคุณครับที่นำมาเล่าสู่กันฟัง......

โดยคุณ mayomjaa (534)  [อ. 29 ก.ค. 2551 - 04:12 น.] #327392 (16/17)
เงาะโรงเรียนเกิดที่สุราษฎร์น่ะดีแล้วถ้าเกิดที่กรุงเทพแถมเป็นโรงเรียนช่างกลอาจถูกโรงเรียนอื่นมาตีตายก่อนดังก็ได้.......เรื่องมีสาระต้องดูพี่brainส่วนเรื่องไร้สาระต้องยกให้โพ้มมมมมมมมมมม555555555555

โดยคุณ dmdses (2.9K)(1)   [พ. 30 ก.ค. 2551 - 09:33 น.] #328232 (17/17)
ไข่เขาดีจริงๆครับ... ใหญ่ กลม ..แดง...เค็ม...แหล่มจริงๆครับ

!!!! กรุณา Login ก่อนจึงจะเสนอความคิดเห็นได้ !!!


Copyright ©G-PRA.COM
www1