สวัสดีครับ ทุกท่าน ผมเพิ่งเดินทางกลับมาจากประเทศอังกฤษ เพื่อไปตามความฝัน อยากชมฟุตบอลทีมที่เราชอบ ถึงขอบสนาม เพื่อสัมผัสบรรยากาศการเชียร์บอลอย่างใกล้ชิด เห็นแต่การถ่ายทอดสดทางทีวี
ผมจึงอยากแชร์ประสบการณ์ในการเดินทางครั้งนี้ เริ่มตั้งแต่การเตรียมความพร้อมก่อนการเดินทางนะครับ เพราะการเดินทางเข้าประเทศอังกฤษไม่ใช่ง่าย ๆ เลย ไม่ได้มีเจตนาโอ้อวดแต่ประการใด เหตุผลที่อยากเขียนคือ
1. ในอีกแง่มุมหนึ่ง ผมเป็น Bloger หมายถึงคนเขียน Blog แนะนำการท่องเที่ยว และเริ่มเป็นนักเขียนหนังสือแล้ว (จะเป็นอีกอาชีพหนึ่งที่วางแผนไว้ เมื่อจะออกจากงานประจำ)
2. อยากแชร์ประสบการณ์ เพื่อให้ทุกท่านที่ไม่ทราบ ได้ทราบ ถึงขั้นตอนต่าง ๆ เพราะผมเชื่อว่ามีหลายท่านอยากเดินทางไปชมการแข่งขันฟุตบอลทีมที่รักถึงขอบสนามแน่นอน โดยเฉพาะประเทศอังกฤษ ว่ามีขั้นตอนอย่างไรบ้าง
อีกเรื่องบอกก่อนว่า ผมจะมีรางวัลเป็นของที่ระลึกของแท้จากร้าน Megastoer ของสโมสรแมนยูแจกเป็นที่ระลึกให้จำนวน 2 ท่านนะครับ มีเงื่อนไขดังนี้
1. รางวัลแรก พวงกุญแจลิขสิทธิ์แท้ จำนวน 1 รางวัล สำหรับคนที่มา comment หรือ แสดงตนใน Blog ของผมทุก Blog ที่จะเขียนเรื่องนี้ (ไม่ว่าจะกี่ Blog ก็ตาม โดยคาดว่าจะเขียนวันละ Blog) หากมีมากกว่า 1 ท่าน ผมขออนุญาต จับฉลากให้นะครับ
2. รางวัลลูกบอลติดเสาอากาศรถยนต์ ลิขสิทธิ์แท้ เช่นกัน อันนี้สำหรับคนที่ตอบคำถามถูกต้อง (มี 1 คำถาม หลังจากจบ Blog ทั้งหมดแล้ว)
3. อาจจะมีการเพิ่มเติมรางวัลอื่น ๆ อีก (อันนี้แล้วแต่อารมณ์ครับ )
******************************************************************************
Lost in Manchester - England
การเดินทางไปชมฟูตบอลยังต่างประเทศ ผมเชื่อว่าเป็นความฝันของหลาย ๆ ท่าน โดยเฉพาะประเทศอังกฤษ ซึ่งทุกคนในเมืองไทยย่อมจะมีทีมบอลที่เป็นที่รักอยู่ทุกคน ทั้ง แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ,แมนเชสเตอร์ซิตี้ ,ลีเวอร์พลู ,เชลชี ,อาร์เซนอล ฯลฯ
ซึ่งส่วนมากก็จะได้ชมการถ่ายทางทีวีกันเสมอ เห็นบรรยากาศการเชียร์ในสนาม ภาพทางทีวีที่มีคนนั่งชมจนเต็มสนาม ได้ยินเสียงประกอบการพากย์ทางทีวี เป็นเสียงโห่ร้อง เสียงร้องเพลง เสียงปรบมือ ผมเชื่อว่าทุกท่านอยากได้สัมผัสบรรยากาศเหล่านั้นเพียงซักครั้งในชีวิตแน่นอน
การเดินทางไปยังประเทศอังกฤษ จะว่าง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยาก ไม่ใช่มีเงินเพียงอย่างเดียวแล้วสามารถจะเดินทางได้เลย เหมือน เกาหลี ญี่ปุ่น หรือฮ่องกง เพราะต้องการผ่านการขอวีซ่า จากสถานทูตอังกฤษก่อน จึงจะสามารถเดินทางได้
ท่านที่มีพาสปอร์ตแล้วก็สามารถไปขอยังขั้นตอนนี้ได้ การทำวีซ่าเข้าประเทศอังกฤษไม่ใช่เรื่องง่ายนะครับ เพราะประเทศนี้เข้มงวดมาก ๆ ในการปล่อยคนเข้าประเทศ เพราะกลัวเรื่องการหนีเข้าไปเป็นโรบินฮูดที่ประเทศเค้ามาก จากประสบการณ์ครั้งนี้ สิ่งที่ผมอยากจะแนะนำ ก็คือ เตรียมความพร้อมก่อนเดินทางครับ
- การเดินทางเพื่อไปชมฟุตบอลนั้น สิ่งที่อยากจะแนะนำก็คือ หากท่านไม่ได้มีกิจการค้าที่เป็นกิจลักษณะ จดทะเบียนการค้าชัดเจน หรือ มีงานประจำที่มั่นคงทำ สิ่งที่ควรจะต้องการอย่างมากก็คือ การเดินบัญชีธนาคารให้ดูน่าเชื่อถือ เพราะไม่มีเอกสารอะไรที่จะยืนยันได้ดีเท่า โดยเฉพาะพี่น้องวงการพระเครื่องของเรา นี่ยิ่งยากเพราะเป็นอาชีพที่จัดอยู่ใน kyc คือระดับความเสี่ยงระดับ 3 การกู้เงินธนาคาร ,การขอวีซ่า หากบอกว่าเป็นกิจการขายวัตถุมงคลก็จะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ สิ่งที่จะช่วยได้คือ เดินบัญชีให้มากเข้าไว้ครับ สิ่งที่อาจจะใช้เป็นหลักฐานทางอาชีพอีกอย่าง เท่าที่ทราบ สถาบันการันตีพระมีการออกหนังสือรับรองรายได้ประจำปีให้ได้ ถ้าจำไม่ผิดค่าธรรมเนียมน่าจะ 500 บาทนะครับ
การเดินทางหากไม่อยากยุ่งยากต้องไปทัวร์แบบซำเหมา และไม่คล่องภาษาอังกฤษ ก็แนะนำให้ซื้อทัวร์ไปครับ มีหลายที่ให้เลือกครับ ลองหาในเนตดู น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เพราะบริษัททัวร์เหล่านี้จะมีหนังสือรับรองการเดินทางให้เรา เพื่อประกอบการขอวีซ่า ก็จะง่ายขึ้น และการกินอยู่ หรือ การเดินทางต่าง ๆ จะสะดวกมากกว่า
การขอวีซ่า ท่านต้องเดินทางไปยื่นเอกสารกับสถานทูตโดยตรง หรือผ่านศูนย์รับยื่นวีซ่าไปอังกฤษ อันนี้ต้องหาข้อมูลเอาเอง หรือ หากไปกับทัวร์ก็ให้บริษัททัวร์ดำเนินการให้ได้เลย แต่สำหรับสถานทูตอังกฤษ หากยื่นเอกสารแล้ว หากผ่านการพิจารณาเบื้องต้น ยังต้องมีขั้นตอนการไปรายงานตัว พิมพ์ลายนิ้วมือ และอาจจะมีสัมภาษณ์เบื้องต้นได้อีกนะครับ
หากวีซ่าไม่ผ่าน ท่านก็สามารถนำเอกสารไปเพิ่ม และยื่นได้อีกนะครับ
หากผ่านแล้วก็เตรียมพร้อมในการเดินทางครับ ......
เตรียมตัวก่อนการเดินทาง
การเดินทางไปยังประเทศอังกฤษ สิ่งที่ต้องศึกษาคือ สภาพอากาศ การแต่งตัว เพราะอากาศที่ประเทศอังกฤษ เป็นอะไรที่พิศดารมานะครับ อุณหภูมิจะค่อนข้างหนาวเย็น และขึ้น ๆ ลงได้ตลอดเวลา และตลอดวัน บางครั้งอุณหภูมิสบาย ๆ อยู่ที่ 15 16 องศา มีแดดเล็กน้อย แต่อยู่ดี ๆ ก็มีฝนตกลงมาได้เลย ฝนที่นี่จะตกไม่นานครับ แค่ 5 10 นาที ก็จะหยุดครับ แต่สิ่งที่จะตามมากับฝนคือ ลมจะแรง และอุณหภูมิ จะลดต่ำลงไปอย่างมาก บางครั้งจนไปเหลือที่ 8-9 องศา เรียกว่าหนาวจับจิตเลยครับ เพราะมีลมประกอบด้วย (ช่วงที่ไปนี่เป็นต้นฤดุใบไม้ผลินะครับ ขอเล่าตรงนี้ เพราะฤดูอื่นยังไม่เคยไป) เครื่องแต่งตัวจากเมืองไทย ที่ผมอยากแนะนำ คือ หาซื้อจากเมืองไทยไปเลยครับ เพราะเราเดินทางระยะสั้น และจากการอ่านคำแนะนำจากเนต บอกว่าให้ไปซื้อที่โน้น อย่านะครับ เพราะ
1. ภาษาเราไม่ได้
2. เราไม่รู้จะไปซื้อที่ไหน ยิ่งไปกับทัวร์ยิ่งไม่มีเวลา
แหล่งซื้อเสื้อผ้าฤดูหนาวที่สำคัญบ้านเราก็ที่ประตูน้ำครับ ยิ่งในแพลตินั่มแฟชั่นมอลล์นี่ครบวงจรเลยครับ ไปเดินหาซื้อกันได้มีครบทุกอย่าง ทั้งเสื้อโค้ด ผ้าพันคอ ถุงมือ ถุงเท้า หมวกไหมพรม ที่ปิดหู ผมว่าข้อดีของการเตรียมไปจากเมืองไทยคือ อุปกรณ์เหล่านี้จะทำมาแบบหลากหลายรูปแบบ และเป็นออปชั่นรวมหมด เช่น ผมซื้อเสื้อโค้ท จากเมืองไทยไป แต่เป็นโค้ดไม่เต็เต็มตัวนะครับ แบบเสื้อหนาว อุปกรณ์มีครบถ้วนเลย เป็นผ้าร่มกันฝน ภายในบุด้วยขนเป็ด อุปกรณ์ถอดแยกได้ เช่น ฮู้ดกันฝัน ,ผ้าปิดคอเป็นขนนุ่ม ๆ ถอดได้ หากลมแรงมาก ก็สามารถนำมาติดได้เช่นกัน อุปกรณ์ต่าง ๆ หากใครขี้หนาว ก็ควรเตรียมไปให้ครบนะครับ แต่หากเป็นคำแนะนำส่วนตัวของผมควรเตรียมไปให้พร้อมที่สุดครับ เช่นถุงมือ ถุงเท้ากันลม หมวกไหมพรม ที่ครอบหูก็อาจจะไม่จำเป็น เพราะหมวกไหมพรมสามารถดึงมาปิดหูได้ครับ
กางเกงก็สามารถใช้กางเกงยีนส์ขายาวที่เราใส่ประจำได้ครับ เพราะหนาพอ ถุงเท้าก็ใช้ถุงเท้าที่มาตรฐานเป็นผ้าวู กันลมครับ และถ้าหากใครขี้หนาวสุด ๆ (เหมือนผม) ก็สามารถซื้อชุดลองจอนไปใส่ข้างในเพิ่มได้อีก จะช่วยได้ดีทีเดียว ชุดลองจอนก็คือชุดผ้ากันหนาว เป็นผ้าบาง ๆ แต่กันหนาวเพราะเก็บความร้อนได้ดี สามารถใส่เป็นเสื้อชั้นในได้ เป็นเสื้อแขนยาว และกางเกงขายาวแบบกางเกงวอร์ม สามารถใส่นอนได้สบายดีครับ ไม่หนาว
เครื่องแต่งกายครบแล้วก็จัดลงกระเป๋าให้เพียงพอต่อวันนะครับ ข้อคิดนิดนึงสำหรับการแพคของลงกระเป๋า คืออย่าใส่กระเป๋าให้พอดีกับเสื้อผ้า ควรใช้กระเป๋าใบใหญ่ ใส่ให้แค่ครึ่งกระเป๋าพอครับ เพราะตอนขากลับ เราจะมีของซื้อของฝากมาเราจะได้มีเนื้อที่ในการใส่กระเป๋า เพื่อหลบ ตม.ได้ครับ ข้อสำคัญสนามบิน บางแห่ง ไม่ให้คนที่หิ้วของพะรุงพะรัง เดินเข้านะครับ ต้องแพคให้เรียบร้อย และอีกอย่างแต่ละคนก็มีน้ำหนักกระเป๋า และจำนวนใบจำกัดในการนำขึ้นเครื่องบิน หรือหิ้วขึ้นไปบนเครื่องบิน (อันนี้ต้องศึกษาเอาเองครับ หากไปกับทัวร์ก็ให้ทัวร์แนะนำครับ)
พร้อมเดินทาง ****
หากของทุกอย่างพร้อมแล้วก็เตรียมตัวเดินทางครับ หากไปหลายคน ควรจะมีกระเป๋าคนละซัก 2 ใบนะครับ ใบเล็กกับใบใหญ่ ใบเล็กสามารถนำขึ้นเครื่องได้ อันนี้ใส่ของใช้ส่วนตัวที่จำเป็นต่อการนั่งเครื่อง เช่น ยารักษาโรคที่ต้องกินระหว่างวัน หรือไว้ใส่เสื้อโค้ท เพราะเดินทางจากเมืองไทยยังไม่นาวครับ และไว้ใส่ของที่ซื้อกลับมาเมืองไทยครับ
การเดินทางไปยังประเทศอังกฤษ ใช้เวลาเดินทางค่อนข้างมากนะครับ หากเราบินตรงไปยังอังกฤษเลย ก็ใช้เวลาบนเครื่องบินประมาณ 12 ชั่วโมง แต่ราคาแพงมากครับ เช่นการบินไทยค่าเครื่องประมาณ 3-5 หมื่นบาท ,หากชั้นธุรกิจก็ประมาณแสนว่า ,ชั้นเฟิร์สคลาสก็ประมาณเกือบ 2 แสน แต่ส่วนมาก็จะเดินทางโดยสายการบินอื่น ๆ แทนที่ต้องไปต่อเครื่องอีกครั้ง ส่วนมากฐานการต่อเครื่องก็จะอยู่ที่ประเทศการ์ตา อันนี้ต้องใช้เวลาเดินทางเพิ่มอีกประมาณ 2-3 ชัวโมง ในการต่อเครื่อง หากมีการต่อเครื่องและรวมเวลาเช็คอินแล้ว ใช้เวลาในการเดินทางกว่า 20 ชั่วโมงขึ้นไปนะครับ (โปรดเตรียมร่างกายให้พร้อมครับ)
การเดินทางขึ้นเครื่องจากเมืองไทย มีขั้นตอนไม่ค่อยยุ่งยากเท่าไหร่ครับ มาตรฐานเหมือนบินในประเทศไทย มีข้อจำกัดเหมือน ๆ กัน เช่น ห้ามนำของเหลวขึ้นเครื่องเกิน 100 มิลลิลิตร ,ของมีคม โลหะต่าง ๆ ก็ห้าม แต่การตรวจก่อนขึ้นเครื่องจะละเอียดมากกว่า ครับ แทบจะถอดกางเกงกันเลยทีเดียว
การเดินทางบนเครื่องบินที่บินไกล ๆ ไปยังต่างประเทศ มีข้อจำกัดเรื่องภาษาพอสมควรนะครับ เพราะแอร์บนเครื่องไม่พูดภาษาไทยนะครับ อังกฤษล้วน ๆ ยิ่งเป็นสายการบินจากแถบอาหรับ เช่น การ์ตาแอร์เวย์ แอร์จะเป็นพวกอารหรับส่วนใหญ่ ภาษาอังกฤษพูดแล้วฟังยากมาก เพราะจะพูดเร็ว ,ภาษาแบบอังกฤษแท้ หรือแบบอเมริกัน จะฟังง่ายกว่า
กลับมาเรื่องภาษาบนเครื่องต่อ บนเครื่องบินไกลจะมีการเสริฟอาหาร และเครื่องดื่ม ประมาณ 2 ครั้งต่อเที่ยวบิน ถึงเวลาแอร์จะเดินมาถาม ว่าจะเอาอะไร จะกินอะไร ดื่มอะไร แอร์จะพูดเบามาก และภาษาอังกฤษจะเร็วมาก พูดกับเราเหมือนเราเป็นฝรั่งครับ เวลานี้ ก็ต้องช่วยเหลือตัวเองนะครับ ไกด์ไม่สามารถช่วยเราได้ เพราะนั่งคนละที่ หรือหากเราไปกับคนที่พอรู้ภาษาอังกฤษก็พอได้ อย่างน้อยต้องฟังพอรู้เรื่อง ในการสั่งอาหาร เช่น อยากเอาน้ำเปล่า ก็ต้องบอกว่า วอร์เตอร์ (water) , จะเอาน้ำส้ม ก็ ออร์เรนท์จุ้ยท์ (orange juice) ,อาหารส่วนมาก็เป็นพวกออมเลต และ ข้าวฝัดประมาณนี้ แต่ก็น่าทานดี มีหลาย ๆ อย่างในถาด อีกเรื่องที่จะสื่อคือ ภาษาในการสั่งอาหารจะใช้สำเนียงไทย ๆ ไม่ได้นะครับ เพราะแอร์จะฟังไม่รู้เรื่องเลย เช่น วอเต้อ แบบนี้ไม่รู้ครับ ต้อง หว่อเท้อออออ , ลากเสียงและมี spelling นิดนึง ถึงจะเข้าใจนะครับ อันนี้รวมไปถึงผู้คนในประเทศอังกฤษด้วยครับ เวลาสั่งอาหาร หรือซื้อของก็ต้องพูดประมาณนี้ถึงจะเข้าใจนะครับ ภาษาแบบเสียงราบเรียบ ฝรั่งจะไม่รู้เรื่องครับ
ต่อมาก็ถึงเวลาบินครับ นั่งกันจนก้นด้านเลยครับ แต่สายการบินระดับนี้ก็จะมีอุปกรณ์ให้เราเล่นตลอดการเดินทางครับ มีภาพยนตร์ให้ดู มีเกมส์ให้เล่น มีเพลงให้ฟัง เพราะมีจอมอนิเตอร์ส่วนตัวให้คนละเครื่อง แต่อันนี้ก็ต้องชำนาญในระบบอิเลกทรอนิคส์นิดนึง เพราะปุ่มจะเยอะมาก เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยตรงนี้ จะกดอะไรก็ต้องระวังนะครับ เพราะในปุ่มนั้น มีทั้งปุ่มเปิดไฟส่วนตัว ,ปุ่มกดเรียกแอร์ หรือ สจ๊วต พอไฟสว่างขึ้น ก็จะมีคนเดินมาถามทันทีครับ ว่าต้องการอะไร ด้วยภาษาอังกฤษที่เร็วมาก จนฟังไม่รู้เรื่อง อันนี้จะหนาวครับ หากเจอแบบนี้ ก็ให้โบกมือครับ ว่าไม่มีอะไร แอร์เค้าก็จะปิดไฟไปเอง และแอบทำหน้าหงุดหงิดนิดนึง
การเข้าห้องน้ำบนเครื่องบินอันนี้ก็จำเป็นมากครับ เพราะเดินทางไกล อันนี้ต้องระวังนะครับ เพราะหัองน้ำจะมี 2 ด้าน ด้านหน้าและด้านหลัง เวลาจะเข้าก็ให้สังเกตที่ไฟด้านบนครับ ว่าด้านไหนว่า จะมีลูกศรขึ้นลง ถ้าขึ้นเป็นสีเขียวก็ด้านหน้าว่าง ถ้าลูกศรล่างเป็นสีเขียวก็ห้องน้ำด้านหลังว่า แต่ถ้าเป็นสีแดงก็ไม่ว่างนะครับ อย่าลุกไปเข้าโดยไม่ดูไฟนะครับ เพราะจะต้องไปยืนรอเก้ ๆ กัง ๆ ดีไม่ดี แอร์จะมาถามครับ ข้อแนะนำสำหรับเรื่องนี้ หากคนไม่เคยขึ้นเลยก็ควรใช้ความรอบคอบนะครับ ใช้วิธีดูคนอื่น ๆ ก่อนว่า เค้าไปเข้ากันยังไง เพราะประตูห้องน้ำ เครื่องบินแต่ละลำไม่เหมือนกัน บางทีเปิดตรง ๆ บางทีเปิดแบบบานพับ 3 บาน ปุ่มเปิดก็ไม่เหมือนกัน ต้องแบบมองคนอื่นให้ชัดเจนก่อนจะลุกขึ้นไปนะครับ หากลุกครั้งแรกล่ะก็ตื่นเต้นแน่ ๆ ครับ จะชวนคนไปด้วยไปด้วยกัน จะลำบากนะครับ เพราะทางจะแคบ อันนี้ต้องไปคนเดียวครับ ที่สำคัญก็อย่าลุกบ่อยครับ เพราะที่นั่งระดับที่ไปก็ชั้น Economic จะนั่งแถวละประมาณ 3-4 คน เวลาลุกขึ้นก็จะทำให้คนอื่นลำบากไปด้วย เพราะบางคนขึ้นเครื่องก็ใช้วิธีนอนครับ จะเป็นการรบกวนคนอื่นอย่างมากครับ
วันนี้พอแค่นี้ก่อนครับ ไว้ต่อพรุ่งนี้ครับ สำหรับการเดินทางทริปนี้ อาจจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยครับ เพราะตอนนี้ตั้งใจเขียนออกมาแบบนี้ครับ ..... |
|