(D)
ลำดับเหตุการณ์ จับกุมบุคคลที่ใช้ชื่อว่า อ.ชัย วัดระฆัง
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 22 กุมภาพันธ์ 2550 เวลาประมาณ 12.15 น. ผม นายสัญญา โศภาอรุณรุ่ง (ผู้เสียหาย) ได้ใช้โทรศัพท์ของผม โทรศัพท์ไปหาบุคคลที่ใช้ชื่อว่า อ.ชัย วัดระฆัง ที่หมายเลข 08-1196-5777 เพื่อขอซื้อเหรียญนักษัตร รุ่นแรก พิธีศาลหลักเมือง นครศรีธรรมราช ครบชุด 12 เหรียญ จำนวน 1 ชุด ซึ่งทาง บุคคลที่ใช้ชื่อว่า อ.ชัย วัดระฆัง ได้ลงประกาศขายไว้ในหนังสือนิตยสารคเณศ์พร ข่าวพระเครื่อง ฉบับที่ 209 ประจำเดือนมกราคม 2550 หน้าหลังสุด โดยตั้งราคาขายไว้ชุดละ 25,000 บาท (จากการตรวจสอบ พบว่าบุคคลผู้นี้ได้ลงประกาศขายไว้ใน ตลาดพระดอทคอม www.taradpra.com ร้านค้าโซนกรุงเทพมหานคร ประเภทร้านค้า VIP โดยใช้ชื่อร้านว่า โลกพระเครื่อง ด้วย อีกทั้งยังมีเว็ปไวด์ เป็นของตนเอง โดยใช้ชื่อว่า ศูนย์โลกพระเครื่อง www.worldamulet.com)
ผลจากการพูดคุยกันทางโทรศัพท์ บุคคลที่ใช้ชื่อว่า อ.ชัย วัดระฆัง ได้บอกว่าตอนนี้ราคาเหรียญนักษัตรรุ่นแรกชุดนี้ ได้ขยับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในหนังสือเป็นราคาเก่า ตอนนี้เขาขายในราคาชุดละ 35,000 บาท ซึ่งผมก็ไม่ติดใจอะไร เพราะมีความต้องการจะเช่าบูชาพระชุดนี้อยู่แล้ว จึงตกลงซื้อ และได้สอบถามเรื่องการรับประกัน ซึ่งบุคคลที่ใช้ชื่อว่า อ.ชัย วัดระฆัง ผู้นี้บอกว่า เขารับประกันความแท้ให้ตลอดชีวิต หากรับพระแล้วไม่พอใจสามารถคืนเงินได้ทันที เขายังพูดจาหว่านล้อมว่าเขาไม่เคยขายพระเก๊อยู่แล้ว มีชื่อเสียงในวงการพระมานาน และขายแต่ของแท้เท่านั้น และปัจจุบันก็มีตำแหน่งเป็นถึงอาจารย์ที่ปรึกษาด้านวัตถุโบราณพระบูชา และพระชุดเบญจภาคีและเกจิอาจารย์ทั่วประเทศ และมีศูนย์พระเครื่องอยู่ที่ เดอะมอลล์บางกะปิ ชั้น 3
พอพูดคุยถึงเรื่องการรับพระและการจ่ายเงิน ผมจะขอไปรับพระด้วยตนเองและจ่ายเงินกันต่อหน้าที่ กทม. โดยขอนัดหมายกันวันเสาร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2550 ซึ่งผมต้องเข้าไปเรียนปริญญาโทที่ กทม. แต่ทางบุคคลที่ใช้ชื่อว่า อ.ชัย วัดระฆัง บอกว่าต้องโอนเงินไปก่อนเพื่อเป็นการยืนยันว่าจะเช่าบูชา มิเช่นนั้นถ้ามีคนอื่นสนใจเขาก็ต้องขายให้คนอื่น โดยเขาให้โอนเงินไปที่ นายสมโภชน์ เสาวรส บัญชีออมทรัพย์ ธนาคารกสิกรไทย สาขาสวนสยาม กทม. เลขที่บัญชี 098-2-35158-8
ผมพิจารณาดูแล้วก็เห็นเป็นเรื่องปกติเหมือนกรณีเราเช่าบูชาพระจากร้านต่างๆในเว็ปไซด์ ซึ่งมีร้านดีๆมากมาย และเราผู้เช่าก็ต้องโอนเงินไปก่อนเช่นกัน โดยทางร้านจะจัดส่งพระมาให้ทางไปรษณีย์ และผมก็เคยเช่ามาหลายครั้งก็ไม่มีปัญหาใดๆ อีกทั้งบุคคลผู้นี้ก็บอกว่าตนเองมีร้านค้า VIP อยู่ในเว็ปไซด์ตลาดพระดอทคอม www.taradpra.com ซึ่งก็มีความน่าเชื่อถือ ด้วยเหตุดังกล่าวผมจึงตกลงที่จะโอนเงินไปให้ก่อน จำนวน 30,000 บาท (สามหมื่นบาทถ้วน) โดยตกลงว่าจะโอนให้ในวันรุ่งขึ้น คือวันศุกร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2550 ส่วนที่เหลืออีก 5,000 บาท จะนำไปมอบให้กับมือตอนรับพระแล้ว
ในวันรุ่งขึ้น ก็คือวันศุกร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา 12.24 น. ผมได้ให้ นางสาวสาวิตรี หนูนันท์ ไปโอนเงิน ให้ บุคคลที่ใช้ชื่อว่า อ.ชัย วัดระฆัง โดยโอนทาง ATM ธนาคารกรุงเทพ (หลักฐานปรากฏตาม สลิปการโอนเงิน) จำนวนเงิน 30,000 บาท (สามหมื่นบาทถ้วน)
หลังจากนั้น ผมจึงโทรศัพท์แจ้งการโอนเงินไปยัง บุคคลที่ใช้ชื่อว่า อ.ชัย วัดระฆัง ซึ่งบุคคลผู้นี้ก็ได้นัดหมายกับผมว่าจะนำพระมาส่งมอบให้ผมที่ห้างสรรพสินค้า แฟชั่นไอซ์แลนด์ ในวันเสาร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา 14.00 น. โดยบอกว่าหากผมไปถึงแล้วให้โทรศัพท์หาเขา
แต่เนื่องด้วยในวันเสาร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2550 ผมติดภารกิจ จึงเข้า กทม.ช้ากว่าปกติ โดยเวลาประมาณ 13.40 น. ผมเพิ่มขับรถถึงนครปฐม ผมจึงโทรศัพท์หา บุคคลที่ใช้ชื่อว่า อ.ชัย วัดระฆัง เพื่อขอเลื่อนเวลานัดหมาย แต่บุคคลผู้นี้บอกว่าเขากำลังจะไปลำปางกับครอบครัว และเขาจะรออยู่ที่ร้านเชสเตอร์ กริล ชั้น 1 ไม่เกินเวลา 14.30 น. ผมจึงต้องแก้ปัญหาด้วยการแวะโอนเงินส่วนที่เหลืออีก 5,000 บาท ให้กับ บุคคลผู้นี้ ที่ธนาคารกรุงไทย สาขาย่อยเทสโก้โลตัส นครปฐม (หลักฐานปรากฏตามเอกสารการโอนเงินของธนาคารกรุงไทย) พร้อมกันนั้นผมก็ได้โทรศัพท์หาเพื่อนผม (นายสุวรรณ เกิดแก้ว เลขบัตรประตัวประชาชน 3 7210 00153 97 3) ซึ่งมีบ้านอยู่แถวๆสวนสยาม เพื่อให้ไปรับพระชุดนี้แทนผม
โดยเพื่อนของผม(นายสุวรรณ เกิดแก้ว) ได้เดินทางไปถึงห้างสรรพสินค้า แฟชั่นไอซ์แลนด์ เวลาประมาณ 14.15 น. แต่ไม่พบบุคคลที่ใช้ชื่อว่า อ.ชัย วัดระฆัง ผู้นี้ ที่ร้าน เชสเตอร์กริล ชั้น 1 และโทรศัพท์ติดต่อบุคคลผู้นี้ได้ครู่เดียวสายก็ตัดไป ซึ่งเข้าใจว่าแบตเตอร์รี่หมด เพื่อนผม(นายสุวรรณ เกิดแก้ว) จึงโทรศัพท์มาบอกผมว่าจะทำอย่างไรดีและผมเริ่มเอะใจ จึงสั่งให้เพื่อน(นายสุวรรณ เกิดแก้ว) รีบไปที่จุดประชาสัมพันธ์ ชั้น 1 แล้วให้ประชาสัมพันธ์ของห้างสรรพสินค้าแฟชั่นไอซ์แลนด์ ประกาศตามตัวบุคคลผู้นี้ว่ามีผู้มารอพบที่ร้านเชสเตอร์ กริล ชั้น 1 ให้มาพบด่วน
ตอนนั้นผมขับรถอยู่แถวๆนครปฐม ด้วยความกระวนกระวายใจ จนเวลาประมาณ 14.35 น. เพื่อนของผม(นายสุวรรณ เกิดแก้ว) ก็โทรศัพท์บอกว่าบุคคลผู้นี้ได้นำพระมาส่งมอบให้แล้วที่ร้านเชสเตอร์กริล ชั้น 1 ผมจึงโล่งใจ และสั่งให้เพื่อนของผม(นายสุวรรณ เกิดแก้ว) นำพระไปรอส่งมอบให้ผมที่ มหาวิทยาลัยเกริก (แถวๆวงเวียนบางเขน)
ผมเดินทางไปถึงมหาวิทยาลัยเกริก เวลาประมาณ 15.50 น. พอได้รับพระจากเพื่อนผมแล้ว ก็แทบเป็นลม เพราะเหรียญนักษัตรชุดนี้ ไม่ใช่ชุดเดียวกับที่ลงประกาศขายในหนังสือ อีกทั้งเป็นพระเก๊ดูง่าย เพื่อให้แน่ใจ ผมจึงรีบนำพระชุดดังกล่าวนี้ไปให้ผู้เชี่ยวชาญที่สถาบันน่าเชื่อถือท่านหนึ่งตรวจสอบดู(ขอสงวนชื่อ) ก็มีความเห็นว่าเป็นพระเก๊แน่นอน และเก๊แบบดูไม่ดีเสียด้วย
เวลาประมาณ 18.10 น. ผมจึงโทรศัพท์หา บุคคลที่ใช้ชื่อว่า อ.ชัย วัดระฆัง อีกครั้งหนึ่ง เพื่อขอคืนพระชุดนี้และขอเงินคืน แต่ทางบุคคลผู้นี้ก็ยืนยันว่าพระของตนเป็นพระแท้ และเป็นของสวยสภาพเดิมๆไม่ผ่านการใช้มาก่อน เพื่อหาข้อยุติผมจึงบอกว่า ถ้าอย่างนั้นในวันพรุ่งนี้ ซึ่งก็คือวันอาทิตย์ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2550 ผมจะขอนำพระชุดดังกล่าวนี้ไปตรวจเช็คโดยผู้ชำนาญการทั้งที่ท่าพระจันทร์ และห้างพันธุ์ทิพย์พลาซ่า งามวงศ์วาน ซึ่งมีงานประกวดพระเครื่องด้วย ทางบุคคลที่ใช้ชื่อว่า อ.ชัย วัดระฆัง ก็ ตกลงและบอกว่าถ้าเก๊ก็ยินดีจะคืนเงินเต็มจำนวน เพราะเขาไม่เคยเสียชื่อเสียงในการขายพระ
วันรุ่งขึ้น (วันอาทิตย์ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2550) ผมมีสอบที่มหาวิทยาลัยเกริก ตั้งแต่เช้าจนถึง 15.30 น. ด้วยเหตุดังกล่าว ผมจึงได้นำพระไปตรวจเช็คที่ห้างพันธุ์ทิพย์พลาซ่า งามวงศ์วานในช่วงเย็น เวลาประมาณ 16.00 น. ซึ่งก็ปรากฏว่าคนที่ดูทุกคนก็ฟันธงว่าเป็นของเก๊แบบไร้ฝีมือ
เพื่อให้มั่นใจขึ้นอีกในวันต่อมา วันจันทร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2550 ผมจึงลางานและนำพระชุดนี้ไปตรวจเช็คที่ท่าพระจันท์ ผลก็เหมือนกัน คือเป็นของเก๊แน่นอน นอกจากนี้เพื่อนๆพี่ๆที่ท่าพระจันทร์ ก็ได้ให้ ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับพฤติกรรมที่ไม่สู้จะดีนักของบุคคลผู้นี้ และแนะนำให้ผมรีบนำพระชุดนี้ไปคืนที่ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์บางกะปิ ชั้น 3 ซึ่งบุคคลผู้นี้ได้ลงโฆษณาในหนังสือข่าวพระเครื่องว่า ได้เปิดศูนย์ พระเครื่องอยู่ที่นี่
ผมเดินทางไปถึง เดอะมอลล์บางกะปิ ชั้น 3 ในวันจันทร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2550 เวลาประมาณ 14.00 น. แต่กลับไม่พบศูนย์พระเครื่องของบุคคลที่ใช้ชื่อว่า อ.ชัย วัดระฆัง แต่อย่างใด พบแต่เพียงตู้พระโล่งๆขนาดกว้างประมาณ 1 เมตร ด้านในตู้มีเบอร์โทรศัพท์ของบุคคลผู้นี้ติดไว้ ซึ่งเขียนว่าให้นัดหมายล่วงหน้า ที่เบอร์โทรศัพท์ 08-1196-5777 ผมจึงเดินเข้าไปสอบถามร้านพระเครื่องใกล้เคียง ก็ได้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า บุคคลที่ใช้ชื่อว่า อ.ชัย วัดระฆัง ไม่เคยมาที่ เดอะมอลล์บางกะปิ ชั้น 3 นี้เป็นเวลาหลายเดือนเกือบครึ่งปีแล้ว
ผมตั้งสติและโทรศัพท์ไปหา บุคคลที่ใช้ชื่อว่า อ.ชัย วัดระฆัง นี้อีกครั้ง และแจ้งความจำนงว่าผมได้นำพระมาคืนที่เดอะมอลล์บางกะปิ ชั้น 3 เนื่องจากได้นำพระไปตรวจสอบมาแล้วและพบว่าเป็นพระไม่แท้ จึงอยากจะขอเงินคืน แต่ทาง บุคคลที่ใช้ชื่อว่า อ.ชัย วัดระฆัง ก็ได้บอกว่าตนเองอยู่ต่างจังหวัด ไม่ได้อยู่ใน กทม. และจะกลับมา กทม. อีกครั้งในวันเสาร์ที่ 3 มีนาคม 2550 ซึ่งจะคืนเงินให้ผมในวันนี้ และให้ผมโทรศัพท์นัดหมายจุดนัดพบกันอีกครั้งในวันศุกร์ที่ 2 มีนาคม 2550 พร้อมตัดบทวางสายไป ผมหมดทางเลือกจึงต้องเดินทางกลับราชบุรี
พอวันพฤหัสบดีที่ 1 มีนาคม 2550 เวลาประมาณ 10.00 10.30 น. ผมก็ได้ลองโทรศัพท์ ไปหา บุคคลที่ใช้ชื่อว่า อ.ชัย วัดระฆัง อีกครั้ง ผมจะบอกเขาว่าให้โอนเงินคืนให้ผมก็ได้แล้วผมจะส่งพระคืนไปให้ทาง EMS แต่ปรากฏว่าเขาก็ไม่รับโทรศัพท์ผมเลย ซึ่งผมได้โทรอยู่ประมาณ เกือบสิบครั้ง จนมั่นใจว่าเขาไม่รับโทรศัพท์แน่นอน ผมจึงได้ส่งข้อความ(Massage) ไปว่าให้โทรกลับผมด้วย แต่ปรากฏว่าเขาก็ไม่โทรกลับมา ผมตั้งใจว่าจะใช้เบอร์อื่นโทรไป แต่ได้ปรึกษาพี่ๆในวงการพระเครื่อง หลายท่านบอกว่าอย่าเพิ่งรุกหนักให้ลองโทรในวันศุกร์ที่ 2 มีนาคม 2550 อีกครั้ง หากไม่รับโทรศัพท์อีก ก็ให้รวบรวมหลักฐานแจ้งตำรวจได้เลย พร้อมทั้งแนะนำให้คนอื่นโทรศัพท์ไปขอซื้อพระเพื่อซ้อนแผนจับกุมอีกทีตอนเขานำพระมาส่ง เนื่องจากไม่มีใครทราบว่าบุคคลผู้นี้พักอาศัยอยู่ที่ใด
ผมได้รับความกรุณาจากพี่ๆที่เป็นทนายความด้วยกันช่วยไปคัดข้อมูลทะเบียนราษฎรเกี่ยวกับบุคคลที่ชื่อ นายสมโภชน์ เสาวรส บัญชีออมทรัพย์ ธนาคารกสิกรไทย สาขาสวนสยาม กทม. เลขที่บัญชี 098-2-35158-8 ซึ่งเป็นคนที่ผมโอนเงินไปให้ ซึ่งตอนนั้นก็ไม่ทราบว่าจะเป็นคนเดียวกับ บุคคลที่ใช้ชื่อว่า อ.ชัย วัดระฆัง หรือไม่?
ผลจากการตรวจสอบ พบว่า นายสมโภชน์ เสาวรส ได้เปลี่ยนชื่อตัวและชื่อสกุล เมื่อวันที่ 8-9 กันยายน 2549 ที่ผ่านมา เป็น นายชัย มั่งมีธนขจร จึงทำให้ผมทราบว่า นายสมโภชน์ เสาวรส กับบุคคลที่ใช้ชื่อว่า อ.ชัย วัดระฆัง เป็นคนคนเดียวกัน เลขบัตรประจำตัวประชาชนของบุคคลผู้นี้คือ 3-1017-01761-51-7 เกิดวันที่ 23 มิถุนายน 2513 ที่อยู่ปัจจุบัน คือ บ้านเลขที่ 4 ซอยพระยาสุเรนทร์ 16 แยก 1-8 แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กรุงเทพฯ
ในวันศุกร์ที่ 2 มีนาคม 2550 เวลาประมาณ 17.37 น. ผมก็ได้โทรศัพท์ไปหา อ.ชัย วัดระฆัง อีกครั้ง ซึ่งคราวนี้เขารับสาย และเขาได้บอกผมว่า พระที่เขานำมาให้ผมชุดนี้ เป็นชุดเก๊ เขาเตรียมจะส่งคืนที่ใต้ เขาเผอิญหยิบผิดชุด และชุดแท้ตอนนี้อยู่ที่เขา (เขาคงนึกว่าผมโง่ ถึงขนาดไม่รู้ว่าเขาตั้งใจนำพระเก๊มาให้ผม ทั้งๆที่ตอนแรกที่ผมเห็นพระผมก็บอกเขาว่าเก๊ แต่ เขากลับยืนยันเสียงแข็งว่าพระของเขาเป็นของแท้ที่ยังไม่ได้ใช้เลย) ตอนนี้เขาสารภาพเองครับว่าพระของเขาเป็นพระเก๊ เพราะรู้ว่าผมรู้ทันและไม่ยอมแน่
บุคคลที่ใช้ชื่อ อ.ชัย วัดระฆัง ผู้นี้ได้บอกผมว่า วันพรุ่งนี้ (วันเสาร์ 3 มีนาคม 2550) เวลาประมาณ 14.00 น. ให้ผมไปเจอเขาที่ห้างสรรพสินค้า แฟชั่นไอซ์แลนด์ เขาจะเปลี่ยนชุดใหม่ให้ จะเอาของแท้มาให้ตอนนี้ผมไม่ต้องการพระแล้วครับ ต้องการเงินคืนอย่างเดียวตามที่ได้ตกลงกันไว้ในตอนต้น แต่ผมก็เงียบไว้ เพราะอยากเจอตัวเขาและกลัวเขาจะไม่มาตามนัด
พี่ๆที่เป็นตำรวจที่ราชบุรี แนะนำผมว่า ให้มาลงบันทึกประจำวันที่สถานีตำรวจท้องที่เกิดเหตุ (สน.บางชัน) แล้วขอเจ้าหน้าที่ตำรวจไปเป็นเพื่อนด้วยอย่างน้อย 1 คน ตามเวลานัดหมาย หากมีการบิดพลิ้วไม่คืนเงินจะได้เชิญตัวมาที่สถานีตำรวจได้ทันที
สิ่งที่ผมเตรียมดำเนินการอีกอย่างก็คือ การประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจขอเทปบันทึกภาพวงจรปิดในห้างสรรพสินค้าแฟชั่นไอซ์แลนด์ ตรงบริเวณร้านเชสเตอร์กริล ชั้น 1 ซึ่งเป็นจุดที่ บุคคลที่ใช้ชื่อว่า อ.ชัย วัดระฆัง ได้นำพระมาส่งมอบให้กับเพื่อนของผม เพื่อเป็นหลักฐานมัดตัวบุคคลผู้นี้อีกทางหนึ่งหากเขาปฏิเสธไม่ยอมคืนเงิน หรือปฏิเสธว่าไม่ได้มีการซื้อขายพระกับผมที่นี่
ในวันเสาร์ที่ 3 มีนาคม 2550 ผมเดินทางไปประสานงานกับตำรวจสายสืบ สน.บางชัน และวางแผนมารอพบบุคคลที่ใช้ชื่อ อ.ชัย วัดระฆัง ผู้นี้ ที่ร้านเชสเตอร์กริล ตามเวลานัดหมาย 14.00 น. โดยมีตำรวจสายสืบนอกเครื่องแบบคอยสังเกตการณ์อยู่ใกล้ๆ พร้อมๆกับเพื่อนของผมคอยบันทึกภาพชายผู้นี้ไว้เป็นหลักฐาน บุคคลผู้นี้มาถึงสถานที่นัดหมายในเวลาประมาณ 14.45 น. และได้นำเหรียญนักษัตรชุดใหม่ที่เขาบอกว่าแท้มาให้ผมดู ซึ่งผมดูแล้วก็รู้ว่าเก๊อีกนั่นเอง แต่ผมก็ไม่อยากพูด
พอผมบอกเขาว่าผมอยากได้เงินคืนตามที่ตกลงกันไว้ พระชุดใหม่ผมไม่อยากได้แล้วเพราะผมไม่ชอบ เขาก็บอกว่าเงินคืนไม่ได้ตอนนี้ เพราะเขาไม่มีเงิน เขาทำร้านพระเครื่องในรูปหุ้นส่วนบริษัทฯ (ฟังดูแล้วยิ่งใหญ่มาก แต่ผมไปตรวจสอบที่ร้านของเขาที่ห้างเดอะมอลล์ บางกะปิ ชั้น 3 กลับไม่มีคนอยู่เลย และได้ข้อมูลที่น่ากลัวมากเกี่ยวกับตัวบุคคลผู้นี้)
บุคคลที่ใช้ชื่อว่า อ.ชัย วัดระฆัง ยังบอกผมอีกว่า เขาจะเบิกเงินออกมาได้จากบริษัทฯต้องออกใบเคลม ยุ่งยากมาก อาจใช้เวลา 15-30 วัน จึงจะคืนเงินให้ลูกค้าได้ ผมพยายามพูดอย่างไรเขาก็ไม่มีท่าทีว่าจะคืนเงินให้กับผม ทั้งๆที่ได้ตกลงกันไว้แล้วว่าจะคืนเงินให้กับผมในวันนี้ พอเขาทำท่าว่าจะตัดบทสนทนาและเดินหนีไป ผมก็ให้สัญญาณตำรวจสายสืบที่สังเกตุการณ์อยู่บริเวณนั้น เข้าจับกุม แต่ยังไม่ทันจะได้ดำเนินการอะไร บุคคลที่ใช้ชื่อว่า อ.ชัย วัดระฆัง ผู้นี้ กลับเปลี่ยนท่าทีทันที รีบบอกผมว่า โธ่เอ๋ย คนกันเอง ตำรวจนี่พี่ก็รู้จัก เดี๋ยวคืนเงินให้เลย (ทั้งๆที่ตอนแรกเขาบอกว่าเงินคืนไม่ได้ต้องออกใบเคลม 15-30 วัน) ตำรวจจึงพาบุคคลผู้นี้ไปกดเงินให้ผมที่ตู้เอทีเอ็ม ธนาคารกสิกรไทย ชั้น 2 ซึ่งเขาก็รีบกดเงินคืนให้ผม 35,000 บาท (ทั้งๆที่ตอนแรกบอกว่าไม่มีเงิน) แค่นี้เราก็เห็นความกระล่อน ปลิ้นปล้อน โกหกหลอกลวงของบุคคลผู้นี้ ซึ่งไม่มีความซื่อสัตย์ต่ออาชีพที่ตนทำอยู่ ไม่มีความซื่อสัตย์ต่อตนเองและลูกค้า ทำตัวเป็นพวกสิบแปดมงกุฏ หากินกับความไม่รู้ของบุคคลอื่น โกหกหลอกลวงทุกคนที่หลอกลวงได้ หากผมไม่มีตำรวจไปด้วยก็คงไม่ได้เงินคืน และคงไม่สามารถติดต่อบุคคลผู้นี้ได้อีก ผมได้ลงบันทึกประจำวันไว้แล้ว (รายละเอียดตามเอกสารแนบ)
มีข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่า บุคคลที่ใช้ชื่อว่า อ.ชัย วัดระฆัง ผู้นี้ ได้เคยแอบอ้างเป็นตำรวจจากกองปราบปราม โดยผู้ที่ถูกหลอกก็คือตำรวจสายสืบ สน.บางชัน ที่เข้าทำการจับกุมในวันนี้ รวมทั้งมีร้านค้าในห้างแฟชั่นไอซ์แลนด์ หลายร้านก็ให้ข้อมูลตรงกันว่า บุคคลที่ใช้ชื่อว่า อ.ชัย วัดระฆัง มักจะบอกว่าตนเป็นตำรวจจากกองปราบปราม
ผมได้ปรึกษาเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้ใหญ่ในวงการพระเครื่องหลายท่าน เกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งทุกๆท่านก็ได้ขอร้องให้ผมนำเรื่องนี้แจ้งเตือนมายังพี่น้องทุกๆท่าน เพื่อให้ใช้ความระมัดระวังในการติดต่อซื้อขายกับบุคคลผู้นี้ และหากมีท่านใดที่เคยถูกบุคคลผู้นี้หลอกลวง ก็ขออย่าได้นิ่งนอนใจ รีบไปร้องทุกข์กล่าวโทษกับตำรวจท้องที่ที่เกิดเหตุได้เลย เพราะมีข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลผู้นี้หมดแล้ว หากท่านใดเคยซื้อพระจากบุคคลผู้นี้ไปและยังไม่ได้นำพระไปตรวจสอบ ก็ขอให้รีบนำไปให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบด้วยนะครับ เพราะท่านอาจจะเก็บของเก๊ไว้โดยไม่รู้ตัว
โปรดจดจำภาพชายผู้นี้ให้แม่นๆ ผมได้ส่งมาให้ทุกท่านดูด้วยครับ เป็นภาพถ่ายจากโทรศัพท์มือถือ ตอนสนทนากับผมที่ร้านเชสเตอร์กริล แฟชั่นไอซ์แลนด์
ผมขอเรียกร้องไปยัง ตลาดพระดอทคอม www.taradpra.com ให้ตรวจสอบการเปิดร้านค้าของบุคคลผู้นี้ด้วยครับ ซึ่งเปิดเป็นร้าน VIP เกรงว่าจะมีคนถูกหลอกลวงอีก หากไม่ปิดร้านนี้เสีย และขอความกรุณาทุกท่านช่วยเผยแพร่ข่าวนี้ไปยังผู้เกี่ยวข้องให้มากที่สุด เพื่อช่วยกันขจัดเหลือบในวงการพระเครื่องครับ................................... ด้วยความเคารพ สัญญา โศภาอรุณรุ่ง (ทนาย YAB)
***ขอกราบขอบพระคุณตำรวจสายสืบจาก สน.บางชัน และผู้เกี่ยวข้องทุกๆท่านอย่างสูงครับ**
|
[พ. 07 มี.ค. 2550 - 01:40 น.]