กระดานข่าว www.g-pra.com : แสดงรายละเอียดในกระทู้

ร่วมเสนอความคิดเห็น

หัวข้อกระทู้ : วาระที่1 วันที่ 1 มีนาคม 2556 ปลุกเสกวัตถุมงคล ห่วงเชื่อม หลวงพ่อคูณ รุ่นสร้างบารมี

(N)

ได้รับความเมตตาจากพระครูวิมลสมณวัตร หรือ หลวงพ่อเพี้ยน อคฺคฺธมโม เจ้าตำรับตะกรุดโทนและผ้ายันต์แดงแห่งท้องทุ่งบ้านหมี่ ปลุกเสกคู่กับหลวงพ่อประทวน วัดถ้ำดาวเขาแก้ว ท่านใดว่างเชิญนะครับ ช่วงบ่าย ที่วัดถ้ำดาวเขาแก้ว

โดยคุณ kcasanova (2.8K)

[อ. 26 ก.พ. 2556 - 13:27 น.]

โดยคุณ kcasanova (2.8K)

[อ. 26 ก.พ. 2556 - 13:33 น.] #2708484 (1/33)

แนะนำเส้นทางคร่าวๆ นะครับ ตอนนี้กำลังทำแผนที่

หากมาจาก กทม วิ่งตรงมาถึงมวกเหล็ก เลี้ยวซ้ายตรงแยกที่จะไปน้ำตก 7 สาวน้อย ตรงไปตามถนนหมายเลข 2234 วิ่งตรงตามทางไปเรื่อยๆ จะมีป้ายบอกทางไปวัดถ้ำดาวอยู่ วิ่งจนถึงสี่แยก จะมีป้ายเขียนว่า " ซับสนุ่น " ก็ให้ตรงไป ไปตามทางเรื่อยๆ คอยสังเกตุทางซ้ายมือ จะมีป้ายวัดถ้ำดาวเขาแก้วครับ อาจจะไม่ละเอียดเท่าไรนักนะครับ ตอนนี้รอแผนที่นิดนึง

โดยคุณ poooo (1.4K)

[อ. 26 ก.พ. 2556 - 16:47 น.] #2708742 (12/33)

(N)
ประวัติ พระครูวิมลสมณวัตร หรือชาวบ้านทั่วไปเรียกสั้นๆง่ายๆว่า หลวงพ่อเพี้ยน วัดเกริ่นกฐิน

หลวงพ่อเพี้ยน หรือชื่อเดิม นาย เพี้ยน ยอดวัน เกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2469 ปัจจุบันอายุ 87 ปี บิดาชื่อ นาย เตาะ มารดาชื่อ นาง เล็ก มีพี่น้องรวมกันทั้งหมด 7 คน แบ่งเป็น ชาย 3 คน หญิง 4 คน หลังจบชั้นประถมปี่ที่ 4 ได้ออกมาช่วยพ่อแม่ทำนาซึ่งเป็นอาชีพหลักของครอบครัว จนกระทั่งอายุครบ 20 ปี จึงได้ทำการอุปสมบท ณ.วัดท้องคุ้ง ต.บ้านชี อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี หลังจากบวชครบ 1 พรรษา ได้ลาสิกขาบทออกมา และเมื่ออายุ 21 ปี ได้เข้ารับราชการทหาร เป็นเวลา 2 ปี จนกระทั่งปลดประจำการ จึงยึดอาชีพช่วยพ่อแม่ทำนาเลี้ยงดูน้องๆทั้ง 6 คน จนกระทั่งพ่อและแม่เสียชีวิตลงภาระต่างๆจึงตกอยู่ที่ท่านในการเลี้ยงดูน้องๆ ทั้งหมด จนกระทั่งได้แต่งงานมีครอบครัว และมีบุตรธิดา รวมทั้งหมด 9 คน เป็นชาย 7 คน หญิง 2 คน
การศึกษาวิชาอาคมจากครูบาอาจารย์ต่างๆ
ครูคนแรกคือโยมพ่อเตาะ ซึ่งท่านเป็นคนเขมรเดินทางเข้ามาอยู่ในหมู่บ้านหนองสะเดา จนกระทั่งแต่งงานกับนางเล็กซึ่งเป็นโยมแม่ วิชาอาคมต่างๆซึ่งติดตัวมากับนายเตาะ ได้ถูกถ่ายทอดให้กับหลวงพ่อซึ่งเป็นบุตรชายคนโต จนกระทั่ง ท่านได้พบกับหลวงพ่อปานพระภิกษุชาวเขมรซึ่งเดินธุดงค์มาเรื่อยๆ จนมาอยู่จำพรรษาอยู่ที่วัดเกริ่นกฐินและชาวบ้านได้แต่งตั้งท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดเกริ่นกฐินในเวลาต่อมา ซึ่งในขณะนั้นหลวงพ่อยังเป็นฆราวาส ได้เข้ามากราบหลวงพ่อปานอยู่บ่อยๆ และนับถือในตัวหลวงพ่อปานเป็นอย่างมาก และเข้ามาที่วัดเพื่อปรนนิบัติหลวงพ่อปานทุกๆวัน จนกระทั่ง หลวงพ่อปานเห็นว่านายเพี้ยนในขณะนั้นเป็นคนดี รักและชอบในเรื่องวิชาอาคม ท่านจึงได้ถ่ายทอดวิชาที่ท่านมีทั้งหมดและย้ำเสมอว่าวิชาอาคมที่สอนไปนั้น ต้องหมั่นฝึกฝนจิตให้แก่กล้า และอย่านำไปใช้ในทางที่ผิด เพราะมันจะย้อนกลับมาทำร้ายตัวเราเอง ให้ยึดมั่น ถือมั่น ทำจริง รู้จริง เห็นจริง จึงจะบังเกิดผล
จนกระทั่งอายุประมาณ 50 ปี ท่านรู้สึกเบื่อหน่ายทางโลก จึงตัดสินใจบวชอีกครั้ง เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2519 ณ.วัดกำแพง โดยมีพระครูพิพัฒน์สารคุณ เป็นพระอุปัชฌาย์ และย้ายมาจำพรรษา ณ. วัดเกริ่นกฐิน จวบจนปัจจุบัน

วัตถุมงคล และที่มาของ เจ้าตำหรับตะกรุดโทนผ้ายันต์แดงอันเลื่องลือ พระผู้ทรงอภิญญาแห่งลุ่มน้ำบางขาม หรือ บ้างก็ว่าท้องทุ่งบ้านหมี่

สมัยก่อนวัดเกริ่นกฐินนั้นการเดินทางแสนยากลำบาก เนื่องจากหมู่บ้านตั้งอยู่ห่างไกลจากถนนสายหลักและตัวอำเภอ เป็นหมู่บ้านอยู่กลางท้องทุ่ง โจรขโมยชุกชุม วันหนึ่งขณะหลวงพ่อเดินผ่านไปพบการปล้น เห็นคนที่ถูกปล้นถูกฆ่าตายต่อหน้าต่อตา จึงคิดว่าจะทำอย่างไรจะช่วยคนเหล่านั้นได้ จึงได้นำวิชาที่เคยร่ำเรียนมา สร้างตะกรุดโทนผ้ายันต์แดงขึ้น เพื่อให้ชาวบ้านไว้ใช้ป้องกันตัว โดยตะกรุดโทนยุคแรกๆ หรือบางคนเรียกว่าตะกรุดดำน้ำ จัดสร้างขึ้นในคืนวันเพ็ญ โดยหลวงพ่อดำลงไปจารตะกรุดใต้น้ำในคืนวันเพ็ญ ในสระน้ำภายในวัด โดยบางครั้งใช้เชือกผู้เอวไว้มีคนอยู่ด้านบน ถ้าหลวงพ่อหายไปนานผิดปรกติคนที่อยู่ด้านบนจะกระตุกเชือก หลวงพ่อก็จะโผล่ขึ้นมา ทำได้ครั้งละไม่กี่ดอก สุดยอดของหายากมากในปัจจุบัน บางครั้งถึงขนาดเลือดกำเดาไหล เนื่องจากอายุที่มากขึ้น จึงหยุดสร้าง หันมาสร้างตะกรุดโทนจารมือ โดยท่านจะใช้เวลาว่างอันน้อยนิดในแต่ละวัน จารไว้ทุกๆวัน ออกบูชาแค่วันเดียวคืนวันออกพรรษา ปลุกเสกไตรมาส มีเป็นพันดอกในแต่ละปี แต่ไม่เคยเพียงพอต่อลูกศิษย์ลูกหาที่ต่างขวนขวายหามาครอบครอง ตะกรุด 1 ดอก อักขระเป็น 100ๆตัว ไม่ใช่จาร2-3 ตัวแล้วม้วน กว่าจะได้แต่ละ 1 ดอก ไม่ใช่ง่ายๆ เพราะจารทีละดอก เรื่องคงกะพันและมหาอุดสุดยอดนัก ชาวลพบุรี สิงห์บุรี สระบุรี และพื้นที่ใกล้เคียงรู้จักดี รวมทั้ง ปทุมธานี โดยเฉพาะตลาดไทย และชาวสมุทรปราการ ผ้ายันต์แดง สุดยอดเมตตาค้าขาย อักขระ 1 ผืนไม่น่าต่ำกว่า 300 อักขระที่ถูกขีดเขียนจากปลายปากกา ลงบนผ้าด้ายดิบสีแดงปัจจุบันหลวงพ่อน่าจะหยุดสร้างไปแล้วกลายเป็นของหายากอีกชิ้น แถมมีปลอมอีกต่างหาก

ก้าวขึ้นมาเป็นเกจิแนวหน้าระดับภาคกลางจนถึงระดับประเทศ พิธ๊ใหญ่ๆ และพิธีสำคัญ มักมีชื่อหลวงพ่อเพี้ยนร่วมพิธีเสมอ ยกเว้นวันพุธ และเสาร์อาทิตย์ ท่านงดรับกิจนิมนต์ ยกเว้นพิธีสำคัญจริงๆ เนื่องจาก วันพุธ ท่านอาบน้ำมนต์ให้ลูกศิษย์ลูกหาที่วัด ตักอาบให้เอง พร้อมเป่าคาถาให้ในขณะอาบอีกต่างหาก ส่วนเสาร์อาทิตย์ ท่านบอกว่าคนเขาตั้งใจมากราบ มาหา ถ้าไม่อยู่รอรับ เขาจะเสียความตั้งใจ เพราะอย่างที่กล่าวมาถ้าหากท่านใดเคยเข้าไปกราบหลวงพ่อที่วัดจะทราบดีว่า ไม่ว่ายากดี มีจน เข้าถึงหลวงพ่อได้หมด ไม่เคยเลือกชั้น วรรณะ ไม่มีคนมาคอยกีดกัน ไม่ให้พบหลวงพ่อ ด้วยพุทธคุณและประสบการณ์จากวัตถุมงคล ทุกๆชิ้นผ่านการปลุกเสก อย่างดีเป็นที่ประจักแด่ลูกศิษย์ลูกหาด้วยพุทธคุณ ไม่ได้ปลุกปั่นหรือโฆษณาชวนเชื่อ

poooo banmi

ปล. เรียบเรียงเอง ผิดถูก ขาดตก บกพร่องขออภัย

เรื่องเล่าต่อไปนี้โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านนะครับ เชื่อก็ได้ ไม่เชื่อไม่เป้นไร เพราะผมก็ฟังคนแก่แถววัดหลวงพ่อเล่ามาอีกที
ประสบการณ์ ที่เคยได้รับการบอกเล่าจากคนแก่แถววัด สมัยก่อนบวชรอบที่ 2 อายุประมาณ 50 ปี หลวงพ่อขึ้นชื่อว่าขาเมาคนหนึ่ง ประจำหมู่บ้าน ไม่มีเงินซื้อเหล้า เดินผ่านเห็นคนลองยิงปืนกัน เข้าไปท้า ว่้า ลองยิงผ้าขาวม้าของท่านไหม รับลองยิงไม่ออก หลายคนรับคำท้า แต่มีข้อแม้ว่า ถ้ายิงไม่ออกจริงๆ ต้องเลี้ยงเหล้า ท่านก็หยิดผ้าขาวม้ามาเสกพรึมพำ และให้คนเหล่านั้นลองไปยิงดู ปรากฏว่ายิงไม่ออก หลังบวช เสกผ้ายันต์แดงและตะกรุด บินว่อนภายในกุฏิ สมัยก่อนกฏิไม้หลังเก่า ใครเคยเข้าไปในวัดก่อนปี 40 จะเห็นว่าหลวงพ่ออาศัยอยู่กุฏิไม้เก่าๆ เคยมีลูกศิษย์แอบดูตอนต่ำคืนหลวงพ่อปลุกเสกของ ผ้ายันต์ปลิวว่อนรอบกุฏิ และยังมีประสบการณ์อื่นๆอีกมากมายครับ

!!!! กรุณา Login ก่อนจึงจะเสนอความคิดเห็นได้ !!!