(N)
วัตถุประสงค์เพื่อบูรณะปฏิสังขรณ์ศาสนสถานภายในวัดครับ
ประวัติ พระครูอดุลพิริยานุวัตร ( หลวงพ่อชุบ ปญฺญาวุโธ )
เจ้าอาวาสวัดวังกระแจะ อ.ไทรโยค อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี
หลวงพ่อชุบ เกิดวันศุกร์ แรม ๘ ค่ำ เดือน ๔ พ.ศ. ๒๔๖๙ ปีขาล ตรงกับวันศุกร์ที่ ๒๕ เดือนมีนาคม ๒๔๖๙ ตามที่อยู่ หมู่ที่ ๓ ตำบลบ้านปรก อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม ในตระกูล ถินนาก โยมบิดาชื่อ นายปลื้ม ถินนาก โยม มารดาชื่อ นางช่วง ถินนาก ท่านมีพี่น้องร่วมบิดามารดารวม ๕ คน และมีพี่สาวต่างมารดา ๑ คน ท่านเป็นบุตรคนที่ ๔ มีพี่สาว ๓ คน น้องชาย ๑ คน โยมบิดามารดาประกอบอาชีพด้านการเกษตร ในวัยเยาว์เด็กชายชุบใช้ชีวิตแบบเด็กชนบททั่วไป เล่นซุกซนตามสวนและลานวัดใกล้บ้าน แต่เด็กชายชุบได้ฉายแววความ เป็นเด็กฉลาดกว่าเด็กในวัยเดียวกันคือ ท่านมีความจำดี ได้รับฟังเรื่องราวต่าง ๆ เพียงครั้งเดียวก็สามารถจำไปเล่าได้ถูดต้องและยังมีความสามารถในด้านศิลปะ ท่านสามารถเขียนรูปภาพต่าง ๆ ที่ได้พบเห็นได้อย่างสวยงาม ท่านมีอุปนิสัยเด็ดเดียว
รักษาสัจจะ อ่อนน้อมถ่อมตน รักการศึกษาเล่าเรียน
เมื่อเข้าสู่วันหนุ่มอายุราว ๑๘ ปี ได้เป็นกำลังสำคัญช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพ เพราะท่านถือได้ว่าเป็นบุตรชายคนโตของครอบครัว ชีวิตวัยหนุ่มของชายชนบททั่วไปจะต้องหาครูบาอาจารย์ เพื่อฝากตัวเป็นศิษย์เรียนวิชาอาคมต่าง ๆ ไว้เพื่อป้องกันตนเองและครอบครัวไม่ให้ใครมารังแกได้ ในสมัยนั้นเมืองแม่กลองมีฆราวาสจอมขมังเวทย์ที่มีชื่อเสียงทั่วลุ่มน้ำแม่กลอง ด้านคงกระพันชาตรี เมตตามหานิยม ลูกศิษย์ของสำนักนี้เป็นที่รู้กันในหมู่นักเลงว่าหนังดี ขนาดยุงต้องผอมโซเพราะไม่สามารถหาเลือดของลูกศิษย์สำนักนี้กินได้ ฆราวาสจอมขมังเวทย์ ที่กล่าวถึงก็คือ อาจารย์รื่น นิลแนบแก้ว แห่งสำนักสักบ้านหนองอ้อ อำเภอบางคนฑี จังหวัดสมุทรสงคราม
นายชุบ ถินนาก หนุ่มใหญ่วัยฉกรรจ์ ได้เข้าฝากตัวเป็นศิษย์ของอาจารย์รื่น ด้วยอุปนิสัยเด็ดเดี่ยว รักษาสัจจะ อ่อมน้อมถ่อมตน รักการศึกษาเล่าเรียน ทำให้เป็นที่รักของอาจารย์รื่น นายชุบจึงได้รับการถ่ายทอดสรรพวิชาต่าง ๆ จากท่านอาจารย์รื่น นิลแบบแก้ว จนเชี่ยวชาญทุกแขนง อาจารย์รื่น นิลแนบแก้ว ท่านเป็นลูกศิษย์พระครูวิมลคุณากร ( หลวงปู่ศุข เกสโร ) วัดปากคลองมะขามเฒ่า จังหวัดชัยนาท พระอาจารย์ผู้ถ่ายทอดสรรพวิชา ด้านไสยเวทย์แขนงต่าง ๆ ให้กับอาจารย์รื่น ฆราวาสจอมขมังเวทย์ แห่งลุ่มน้ำแม่กลอง อาจารย์รื่นได้ถ่ายทอดวิชาไสยเวทย์แขนงต่าง ๆ ของหลวงปู่ศุข ไห้กับนายชุบอีกทอดหนึ่ง จึงกล่าวได้ว่านายชุบเป็นศิษย์สายหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า โดยผ่านต่อจากอาจารย์รื่น ฆราวาสจอมขมังเวทย์แห่งลุ่มน้ำแม่กลอง นายชุบได้อยู่รับใช้และเล่าเรียนสรรพวิชากับอาจารย์รื่นจนอายุครบบวช นายชุบจึงได้บวชพระเพื่อทดแทนพระคุณบิดามารดาและครูบาอาจารย์ ณ วัดคู้สนามจันทร์ ตำบลบ้านปรก อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงครามโดยมีพระอธิการกลึง ธมฺมโชติ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการเจียม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอธิการปิ่น เป็นพระอนุสาวนาจารย์ หลวงพ่อชุบเมื่อบวชแล้วได้เรียนวิปัสสนากรรมฐานกับพระอธิการกลึง และพระอธิการกลึงยังได้ถ่ายทอดวิชาต่าง ๆ ให้อีกทำให้ความรู้ด้านไสยเวทย์ วิทยาคมต่าง ๆ ของหลวงพ่อชุบแกร่งกล้าขึ้นอย่างรวดเร็ว
หลวงพ่อชุบจำพรรษาอยู่วัดคู้สนามจันทร์ ๔ พรรษา ก็ได้ย้ายวัดไปจำพรรษาที่วัดเพชรสมุทร ( วัดหลวงพ่อบ้านแหลม ) เพื่อศืกษาด้านพระปริยัติธรรม อยู่จำพรรษาที่วัดเพชรสมุทร เป็นเวลา ๑๔ พรรษา หลวงพ่อชุบศึกษาได้เปรียญธรรม ๕ ประโยด ขณะที่ท่านจำพรรษาอยู่ที่วัดเพชรสมุทร หลวงพ่อชุบได้ออกเดินธุดงค์ทุกปี บางปีธุดงค์ไปถึงนครศรีธรรมราชเพื่อสักการะพระบรมธาตุเจดีย์ ณ วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร และหลวงพ่อยังได้เดินธุดงค์แถบป่าเขาด้านตะวันตกแถบราชบุรี กาญจนบุรี ถึงชายแดนพม่า ขณะเดินธุดงค์ถึงถ้ำละว้า อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี ชาวบ้านวังกระแจะได้เลื่อมใสศรัทธาท่าน จึงได้สร้างกุฎิไม้หลังคามุงแฝกให้ท่านได้อยู่จำพรรษา ระหว่างนี้ท่านได้เดินธุดงค์ระหว่างวัดเพชรสมุทรกับบ้านวังกระแจะหลายพรรษา เพื่อหาปัจจัยมาสร้างวัดตามที่ชาวบ้านศรัทธาท่าน ขอให้ท่านสร้างวัดให้เป็นวัดประจำหมู่บ้าน หลวงพ่อชุบท่านถือสัจจะเป็นใหญ่ เมื่อท่านได้รับปากชาวบ้านวังกระแจะว่าจะสร้างวัดให้ ท่านก็ดำเนินการสร้างวัดวังกระแจะจนสำเร็จ หลวงพ่อชุบได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดวังกระแจะรูปแรก เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๓ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็น พระครูอดุลพิริยานุวัตร เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๙ และได้ดำเนินการผูกพัทธสีมาฝังลูกนิมิตในปี พ.ศ. ๒๕๓๓
หลวงพ่อชุบได้รับการแต่งตั้งจากคณะสงฆ์จังหวัดกาญจนบุรีให้ดำรงดำแหน่งต่าง ๆ ดังนี้
พ.ศ. ๒๕๑๓ ได้รับการแต่งตั้งในตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดวังกระแจะ
พ.ศ. ๒๕๑๗ ได้รับการแต่งตั้งในตำแหน่งเจ้าคณะตำบลท่าทุ่งนา
พ.ศ. ๒๕๑๗ ได้รับการแต่งตั้งในตำแหน่งเจ้าคณะตำบลวังกระแจะ
พ.ศ. ๒๕๒๐ ได้รับการแต่งตั้งในตำแหน่งพระอุปัชฌาย์
พ.ศ. ๒๕๒๖ ได้รับการแต่งตั้งในตำแหน่งรองเจ้าคณะอำเภอไทรโยค
พ.ศ. ๒๕๔๙ ได้รับการแต่งตั้งในตำแหน่งที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภอไทรโยค ( เนื่องจากมีอายุครบ ๘๐ ปี
จึงเกษียณในตำแหน่งปกครองสงฆ์ )
หมายเหตุ อ้างอิงข้อมูลจากหนังสือประวัติ เรียบเรียงโดย สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดกาญจนบุรี | 
[ส. 14 มิ.ย. 2557 - 22:34 น.]