ร่วมเสนอความคิดเห็น

หัวข้อกระทู้ : **...สุดยอดเครื่องราง...อีกหนึ่งรุ่นของวัดชายนา...**

(N)
นับตั้งแต่โบราณกาล ชนชาติไทย เป็นชนชาติของนักสู้ผู้เก่งกล้า สามารถ สู้รบอย่างกล้าหาญ สมชายชาตรี และมีวีรบุรุษ มากมายเป็นต้นแบบของความกล้าหาญชาญชัยสืบต่อมาหลายยุคหลายสมัย นักรบสมัยโบราณนั้น อาวุธคู่กายสำคัญ เช่นดาบ หอก ขวาน อาวุธต่างๆที่ถนัดมือนั้นถือว่าสำคัญมาก แต่มีอีกสิ่งหนึ่งที่เป็นของคู่ใจคู่กายที่ขาดเสียไม่ได้เช่นกันซึ่งอยู่มิห่างกายยิ่งกว่าอาวุธใดๆซะอีกนั้นคือ เครื่องรางของขลัง เรียกได้ว่า เครื่องรางอยู่คนอยู่เลยทีเดียว ในบรรดาของขลังทั้งหลายนั้น จะต้องมีข้อปฏิบัติ ข้อห้าม ข้อบังคับ เพื่อให้ของเหล่านั้นคงความศักดิ์สิทธิ์อยู่ตลอดเวลา แต่ในบรรดาเครื่องรางทั้งหลาย จะมีเครื่องรางอยู่ชนิดหนึ่ง ซึ่งไม่มีข้อห้าม ข้อบังคับใดๆ อาจเป็นเพราะเครื่องรางชนิดนี้เป็นตัวแทนของมหาเทพผู้ยิ่งใหญ่ ที่เราเรียกกันว่า ศิวลึงค์ หรือปลัดขิก อันเป็นตัวแทนขององค์พระศิวะนั่นเองอันตำนานของศิวลึงค์หรือปลัดขิกนั้น นับย้อยได้เป็นนับพันปี จัดเป็นของขลังชั้นสูง แม้แต่เจ้าฟ้า มหากษัตริย์สมัยโบราณยังเคารพบูชา โดยมีหลักฐานทางประวัติศาสตร์มากมาย ทั้งปราสาทหินในเขมรในไทยและประเทศอื่นๆ ก็ล้วนรังสรรค์สร้างไว้อย่างอลังการก็เพื่อประดิษฐาน องค์ศิวลึงค์ นั่นเอง
ย้อนกลับมาในยุคปัจจุบัน ตัวแทนของความเข้มขลัง ที่เกจิอาจารย์ผู้เรืองเวทย์ทั้งหลาย เลือกที่จะสร้างเพื่อมอบเครื่องรางไว้แจกลูกศิษย์ลูกหา และญาติโยมเพื่อไว้คุ้มครองป้องกันตัว ก็จะมีปลัดขิกอยู่เป็นตัวเลือกหนึ่งเสมอ จากการสังเกตของผู้เขียนนั้น เกจิอาจารย์ที่มีความเชี่ยวชาญในการสร้างและเสกปลัดขิกได้อย่างเข้มขลังและศักดิ์สิทธิ์ ส่วนใหญ่ท่านจะอยู่ในแถบจังหวัดชายทะเล ไม่ว่าจะเป็นหลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ หลวงพ่อเหลือ วัดสาวชะโงก หลวงพ่อโสก วัดปากคลองบางครก ทั้งในอดีตและปัจจุบันที่ผู้เขียนมิได้เอ่ยนาม ล้วนแต่เชี่ยวชาญในการสร้างและปลุกเสกปลัดขิกเป็นอย่างยิ่ง
ส่วนในยุคปัจจุบันที่ผู้เขียนขอกล่าวถึงและเล่าให้ท่านผู้อ่านได้รับทราบ เนื่องด้วยได้สัมผัสใกล้ชิดและเห็นด้วยตาตนเองหลายต่อหลายครั้งถึงความเชี่ยวชาญในการสร้างและปลุกเสกปลัดขิกได้เข้มขลังศักดิ์สิทธิ์มิแพ้ใคร ซึ่งท่านก็เป็นเกจิอาจารย์เมืองชายทะเลเช่นเดียวกัน นามของท่านคือ พระพุทธวิริยากร หรือหลวงพ่อตัด ปวโร วัดชายนา จ.เพชรบุรี หลวงพ่อตัด ท่านได้สืบทอดวิชาปลุกเสกปลัดขิกได้ศักดิ์สิทธิ์เข้มขลัง มากๆไม่แพ้เกจิอาจารย์ในยุคก่อนๆเลยทีเดียว หลวงพ่อตัดท่านเป็นเกจิอาจารย์ที่คนเพชรบุรี และจังหวัดใกล้เคียงนับถือท่านมานานหลายสิบปี มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย ทั้งชาวสวน ชาวไร่ พ่อค้า ตำรวจ ทหาร แม้กระทั่ง มือปืน และเสือร้ายต่างๆ ต่างเคารพบูชาท่านสุดหัวใจ เหตุด้วยวัตถุมงคลของท่าน มอบประสบการณ์ที่ประสบพบกับตัวอย่างฉะกาดฉะกัน มาแล้วทั้งสิ้น ซึ่งในยุคแรกๆที่ท่านสร้างวัตถุมงคลแจกลูกศิษย์ลูกหานั้น ท่านจะแจกปลัดขิกเสียส่วนใหญ่ ด้วยเหตุที่ท่านสามารถสร้างและเสกปลัดขิกได้วิเศษ เข้มขลัง และศักดิ์สิทธิ์ ตั้งแต่สมัยท่านยังเป็นพระหนุ่มๆ จึงเป็นเครื่องรางที่ท่านมั่นใจมาก หลวงพ่อตัด ท่านได้รับการถ่ายทอดวิชา การสร้างและเสกปลัดขิกมาจากหลายสำนัก โดยอาจารย์ท่านแรกของหลวงพ่อตัดคือหลวงพ่อชุ่ม วัด กุฏิบางเค็ม วิชาปลัดหลวงพ่อชุ่มนั้น ท่านจะเน้นธาตุ ๔ ถ้าฝึกสำเร็จจะสามารถบังคับปลัดขิกให้ขยับเขยื้อนได้ตามต้องการซึ่งหลวงพ่อตัดท่านก็ได้ไปเรียนมาจนแตกฉานเชี่ยวชาญหมดสิ้น นอกจากนี้ยังสืบทอดวิชาเสกปลัดขิกของหลวงพ่อโสก วัดปากคลองบางครก วิชาปลัดขิกของหลวงพ่อบุศย์ วัดพรหมวิหาร อดีต สองเกจิอาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ของเมืองเพชรบุรี จึงถือได้ว่าหลวงพ่อตัดท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญสร้างและปลุกเสกปลัดขิกได้อย่างวิเศษยอดเยี่ยม
ปลัดขิกของหลวงพ่อตัดนั้น ท่านทำไว้หลายประเภท หลายชนิด ทั้งปลัดขิกกันคูณไสย ปลัดขิก กันโรคระบาด ปลัดขิกค้าขาย ปลัดขิกบูชา ปลัดขิกของท่านโด่งดังมาก และเป็นสุดยอดเครื่องรางที่ลูกศิษย์ลูกหาต้องมีติดตัวไว้ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นปลัดขิกโลหะ งาช้าง กัลปังหา หรือ ปลัดขิกไม้ต่างๆ เช่น ไม้ มะยม ไม้ขนุนไม้ งิ้วดำ ทองระอา ไม้รัก ไม้โมก ไม้พุฒ และอื่นๆ แต่ที่นิยมและเล่นหากันราคาแพงก็ได้แก่ไม้ผูกคอตายแบบต่างๆ ซึ่งหลายคนหลายเสียงพูดเหมือนกันว่า ปลัดมีตัวมีตน อยู่ประจำตัวปลัด นั่นเอง ปลัดขิกของหลวงพ่อตัดนั้น ท่านเคยกล่าวไว้ว่าปลัดของท่านไม่ว่าไม้อะไร พกแค่ตัวเดียวก็เหลือกินเหลือใช้แล้ว ยิ่งปลัดตัวไหนที่หลวงพ่อท่านลงอักขระเอง ยิ่งเป็นที่ต้องการเสาะแสวงหาของลูกศิษย์เป็นอย่างมากเพราะมีน้อย ปลัดขิกหลวงพ่อตัดที่ประสบการณ์มากมายเลื่องลือนั้น ส่วนใหญ่แล้วที่พบเห็นทั่วไปจะเป็นลายมือของพระครูสารธรรมนิเทศ หรือพระอาจารย์ทิน ลูกศิษย์เอกของหลวงพ่อตัดและเป็นเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันของวัดชายนา พระครูสารธรรมนิเทศ หรือรู้จักกันในนามของพระอาจารย์ทิน ท่านเป็นศิษย์เอกที่ได้รับการถ่ายทอดวิทยาคมจากหลวงพ่อตัดโดยตรง พระอาจารย์ทินท่านเป็นพระที่สนใจใฝ่รู้ ชอบศึกษา ชอบทดลอง ในสมัยที่หลวงพ่อตัดยังอยู่ นอกจากศึกษาวิชาจากหลวงพ่อตัดแล้ว ท่านยังเดินทางไปศึกษาวิชาจากอาจารย์ท่านอื่นเพิ่มเติม ทั้งที่เป็นพระและฆราวาส แต่สุดท้ายก็มาเรียนจนแตกฉานหมดสิ้นที่หลวงพ่อตัดนี่เอง ได้รับความไว้วางใจให้ช่วยจารอักขระต่างๆ ลงในวัตถุมงคลของหลวงพ่อตัดเกือบทั้งหมด เรียกว่าให้เป็นตัวแทนก็ว่าได้ จึงเป็นที่มั่นใจได้ว่า ท่านพระครูสารธรรมนิเทศ พระอาจารย์ทิน วรจิตฺโต ได้สืบทอดวิชาของหลวงพ่อตัด วัดชายนามาอย่างเต็มภาคภูมิครบถ้วนจึงเชื่อมั่นได้ถึงพุทธคุณที่ถึงพร้อมด้วยพลังแห่งความศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างแน่นอน อีกทั้งความกตัญญูต่อครูบาอาจารย์ ที่พระอาจารย์ทินท่านตั้งใจจะสร้างพิพิธภัณฑ์เพื่อถวายเป็นอนุสรณ์ความรักความศรัทธา ให้ลูกศิษย์ลูกหารุ่นหลังได้เรียนรู้รับทราบ ถึงสิ่งที่หลวงพ่อตัดท่านได้ชี้แนะทางธรรมด้วยคำสอน ฝากพรอันประเสริฐพร้อมด้วยพุทธคุณมากมายไว้ในวัตถุมงคลของท่าน ฉะนั้นแล้วพิพิธภัณฑ์หลวงพ่อตัดจึงจะเป็นที่รวบรวมเรื่องราวทั้งทางธรรมและวัตถุมงคลที่ท่านได้สรรค์สร้างมอบให้ไว้เพื่อประโยชน์กับลูกศิษย์ลูกหาและอนุชนรุ่นหลังต่อไปครับ
ขออำนาจแห่งคุณพระศรีรัตนตรัย จงอำนวยอวยชัยให้ลูกศิษย์ลูกหาทุกท่านที่ร่วมทำบุญสร้างพิพิธภัณฑ์ มีความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน สำเร็จในทุกสิ่งอันพึงประสงค์ทุกประการ ด้วยเทอญ สาธุ

ศิษย์วัดชายนา

โดยคุณ บ-ธนา (8K)  [อ. 16 ก.ย. 2557 - 13:08 น.]



โดยคุณ บ-ธนา (8K)  [อ. 16 ก.ย. 2557 - 13:10 น.] #3472762 (1/5)


(N)
ชนวนแผ่นยันต์จารมือปลัดขิกหล่อรุ่นแรกพระครูสารธรรมนิเทศ
( พระอาจารย์ทิน วรจิตฺโต ) วัดชายนาจ.เพชรบุรี
๑.ยันต์เพชรพญาธร มีพุทธคุณคล้ายคลึงกับปลัดขิก ซื้อง่ายขายดี โภคทรัพย์เนื่องจากเป็นการประยุกต์วิชาปลัดขิกที่หลวงพ่อท่านได้ร่ำเรียนมาไว้ด้วยกันอักขระที่ใช้ในการลงก็ล้วนแล้วเเต่เกี่ยวข้องทางโชคลาภทั้งสิ้น
๒.ยันต์นะหน้าทอง มีพุทธคุณทางด้านเมตตามหานิยม ใครเห็นใครรัก ซึ่งยันต์นี้นิยมใช้ในการลงหน้าผากเวลาลงนะหน้าทอง
๓.ยันต์เพชรพญาธร ซึ่งมีลักษณะเป็นตัวเสือ อักขระที่ลงไว้นั้นเหมือนกันกับยันต์เพชรพญาธรแบบปกติ เน้นทางโชคลาภ โภคทรัพย์
๔.ยันต์อสิสัตติคู่ชีวิต หรือคาถาพระพุทธเจ้าห้ามอาวุธ เด่นทางด้านมหาอุด คงกระพัน โบราณกาลนิยมใช้คาถานี้ในการลงตะกรุดคู่ชีวิต
๕.เหมือนกับยันต์ที่ 3 คือเป็นเพชรพญาธรที่มีลักษณะเป็นตัวเสือแตกต่างกันเเค่เพียงตัวนะต่างๆที่ลงไว้ ซึ่งก็เน้นพุทธคุณทางด้านโชคลาภโภคทรัพย์เป็นหลักเช่นกัน
๖.ยันต์นะเศรษฐี พุทธคุณตามชื่อเลยครับ ใครบูชาไว้จะเป็นเศรษฐีแต่ต้องปฏิบัติตามอักขระที่ลงหัวใจเศรษฐีไว้ด้วยนะครับคือ อุอากะสะ ,อุ คืออุฏทานสัมปทา - พร้อมด้วยความขยันหมั่นเพียรในการประกอบสัมมาอาชีพ ,อา คืออารักขสัมปทา - การเก็บทรัพย์สินที่ได้มาโดยชอบธรรม ,กะ คือ กัลยาณมิตตา -คบหาสมาคมกับคนดี ,สะ คือ สมชีวิตา - การใช้จ่ายอย่างประหยัดพอเพียง :ถ้าทำได้ตามหัวใจเศรษฐีทั้ง 4 ข้อ นั้นได้ ไม่นานต้องเป็นเศรษฐีเเน่นอนครับ
๗.คาถาเพชรพญาธร ลงด้วย กันหะ เนหะ นะสะวะลึงคัง และต่อด้วยคาถา อุสะหะสะปะสะอุเป็นคาถาที่ลงในตะกรุดในบาตร พุทธคุณจะใช้ในทางเเคล้วคลาดคงกระพัน
๘.คาถาโภคทรัพย์ ที่วัดชายนาใช้เป็นประจำ "สิริโภคานะมาสะโย มหาลาโภภวันตุเม" ชื่อคาถาบอกตรงตัวว่าเป็นโชคลาภ โภคทรัพย์
๙.ยันต์ยอดศีลหรือปลายศีล พุทธคุณเน้นทางด้านเมตตาเป็นหลัก
๑๐.คาถาปลัดขิกของวัดชายนา ที่ขึ้นต้นว่า โอมละลวยมหาละลวยฯ พุทธคุณเหมือนกับปลัดขิก โชคลาภ ค้าขายดี
๑๑.ยันต์นะละลวย พุทธคุณเด่นทางด้านเมตตามหาเสน่ห์ แต่มีการเเทรกหัวใจพระสิวลี "นะชาลิติ" เพื่อให้ผลทางโชคลาภ
๑๒.ยันต์นะปัดตลอด พุทธคุณมีมากมายหลายด้าน แต่หลักๆจะใช้ทางด้านเเคล้วคลาดปลอดภัย
คาถาบูชา ปลัดขิกด้านเมตตาค้าขาย
ตั้งนะโม ๓ จบ
“ สิริโภคา นะมาสะโย มะหาลาโภภวันตุเม นะชาลิติ “
คาถาบูชา ปลัดขิกด้านแคล้วคลาด - คงพระพันชาตรี
“ กัน หะ เน หะ นะ สะ วะ ลึงคัง“

โดยคุณ บ-ธนา (8K)  [อ. 16 ก.ย. 2557 - 13:19 น.] #3472766 (2/5)


(N)


ขอเชิญร่วมอนุโมทนาบุญร่วมกันนะครับ

โดยคุณ chat1 (492)  [พ. 17 ก.ย. 2557 - 12:25 น.] #3473634 (3/5)
สุดยอดครับ ร่วมอนุโมทนาบุญด้วยครับ ร่วมทำบุญในกลุ่มไปแล้วครับผม

โดยคุณ molotee (2.6K)  [พ. 17 ก.ย. 2557 - 23:24 น.] #3474292 (4/5)

โดยคุณ เต่าตระการ (874)  [พฤ. 18 ก.ย. 2557 - 23:30 น.] #3475404 (5/5)

!!!! กรุณา Login ก่อนจึงจะเสนอความคิดเห็นได้ !!!


Copyright ©G-PRA.COM
www1