ร่วมเสนอความคิดเห็น

หัวข้อกระทู้ : +++ รายชื่อศูนย์จอง เหรียญ + ขุนแผน รุ่นแรก พ่อท่านแผ้ว ผลปัญโญ สำนักปฏิบัติธรรมบ้านใสหลวง จ.พัทลุง



(N)


รายชื่อศูนย์จอง วัตถุมงคล พ่อท่านแผ้ว ผลปัญโญ สำนักปฏิบัติธรรมบ้านใสหลวง จ.พัทลุง
1. ดีเจโจ๊ก พัทลุง 086-3832550 (กทม.)
2. โม พลังจิต 083-0955752 (นครศรีธรรมราช)
3. บอมบ์ ลานแซะ 080 1478711 (หาดใหญ่)
4. คามิน สิบสี่ 084-5165414 (เบตง)
5. สำนักสงฆ์ตลิ่งชัน 083-3880574 (พัทลุง)
6. โชคดีพระเครื่อง 081-5992463 (หาดใหญ่)
7. พ.สุวรรณภูมิ 098-0275758 (หาดใหญ่)
8. ต้นกล้า เมืองตรัง 086-1202863 (สงขลา)
9. เดียร์ พัทลุง 089-5956808 (พัทลุง)
10. ครูโอ เมืองลุง 086-7479283 (พัทลุง-กทม.)
11. บ้านพระเครื่องศราวุฒิ 086-3156905 (กทม.)
12. มงคลจตุคาม 085-2979916 (หาดใหญ่)
13. เทพมงคลพระเครื่อง 081-9590777 (หาดใหญ่)
14. โอ หาดใหญ่ 086-5979703 (หาดใหญ่)
15. พระเครื่องมหาราช 089-7845829 (กทม.)
16. กุ๊ก หาดใหญ่ 083-1927396 (หาดใหญ่)
17. ใหญ่ สงขลา 089-8828127 (สงขลา)
18. รัตติกาลพระเครื่องใหม่ 093-3721802 (หาดใหญ่)
19. สุ ยันต์ครู 089-7377070 (สงขลา)
..........................................................................................................
เชิญร่วมสั่งจองวัติถุมงคลพ่อท่านแผ้ว ผลปัญโญ สำนักปฏิบัติธรรมบ้านใสหลวง จ.พัทลุง
วัตถุประสงค์ เพื่อบูรณะสำนักปฏิบัติธรรมบ้านใสหลวง จ.พัทลุง
ร่วมพลังศรัทธา สานฝันชาวบ้านให้เป็นจริง จากโรงเรียนร้าง สู่ สำนักปฏิบัติธรรม เผื่อได้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา สือต่อไป (บ้านดอนนูน บ้านเกิด อ.นำชินวโร)


โดยคุณ ค้าคล่อง (1.1K)  [พฤ. 15 ม.ค. 2558 - 01:27 น.]



โดยคุณ ค้าคล่อง (1.1K)  [พฤ. 15 ม.ค. 2558 - 01:29 น.] #3563997 (1/14)


(N)


เปิดจองพรุ่งนี้ วันที่ 15 ม.ค.58 เวลา 12.00 น.

โดยคุณ ค้าคล่อง (1.1K)  [พฤ. 15 ม.ค. 2558 - 01:37 น.] #3563999 (2/14)


(N)


ปั่นแบบโดย ช่าง จรัญ ผลงานเป็นที่ประจัก (ส่งปั่นแบบ พร้อม ๆ หลวงพ่อรวย วัดตะโก รุ่น รวย มหาเศรษฐี ตอนนี้มาแรงสุด ๆ )
พรุ่งนี้ ทางผู้จัดสร้างแจ้งมาว่า จะส่งประวัติ พ่อท่านแผ้ว ผลปัญโญ มาให้ผม ผมจะรีบนำมาลง โดยเร็วที่สุดคับ
+++ ร่วมบุญ ร่วมสานฝันชาวบ้านให้เป็นจริง จากโรงเรียนร้าง สู่ สำนักปฏิบัติธรรม เผื่อได้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา สือต่อไป (บ้านดอนนูน บ้านเกิด อ.นำชินวโร) +++

โดยคุณ ค้าคล่อง (1.1K)  [พฤ. 15 ม.ค. 2558 - 01:39 น.] #3564000 (3/14)


(N)
แกะบล็อคโดย ช่างภิ

โดยคุณ ค้าคล่อง (1.1K)  [พฤ. 15 ม.ค. 2558 - 01:54 น.] #3564002 (4/14)


(N)
เหรียญรูปไข่ สร้างทุกเนื้อเพียง 286 เหรียญ หลังเรียบ มีจารทุกเหรียญ

โดยคุณ ค้าคล่อง (1.1K)  [พฤ. 15 ม.ค. 2558 - 01:58 น.] #3564003 (5/14)


(N)
เหรียญ รุ่นแรก พิมพ์พุ่มข้าวบิณฑ์ สร้างทุกเนื้อเพียง 2,057 เหรียญ (ทุกรายการสร้างตามใบจอง ยกเว้นเหรียญทองคำ สร้างตามจอง สั่งจองได้ไม่เกิน 25 ก.พ.58 )

โดยคุณ ค้าคล่อง (1.1K)  [พฤ. 15 ม.ค. 2558 - 02:00 น.] #3564004 (6/14)


(N)


ขุนแผน พิมพ์ใหญ่ และ พิมพ์เล็ก สร้างเท่ากัน จำนวนตามใบจอง มวลสารไม่ธรรมดา (จะนำข้อมูลมา ให้ชมเร็ว ๆ นี้ คับ)

โดยคุณ ค้าคล่อง (1.1K)  [พฤ. 15 ม.ค. 2558 - 03:07 น.] #3564006 (7/14)


(N)
รูปที่ลงให้ชม เป็นเรื่องปกติ ของผู้คน รอบ ๆ สำนักสงฆ์ แต่หรับผม เห็นแล้ว รู้สึก ไม่ธรรมดา ผู้คน มาทำพิธีกรรมสะเดาะเคาะห์ แก้กรรม เสริมดวงชะตา ผู้คนมามิขาดสาย ด้วยจิตที่มั่นคง วิชาสายหนังตะลุง สายหมอบ้าน สายวิชาเขาอ้อ มาร่วมเป็นหนึ่ง ประกอบด้วย พ่อท่านแผ้ว เป็นพระปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ เป็นที่ ที่ศรัทธา ของผู้คนในชุมชน วัตถุมงคล ของท่านจะต้องเป็นที่เสาะหา ในเวลาอันใกล้ (ศรัทธา นำค่านิยม)

โดยคุณ ค้าคล่อง (1.1K)  [พฤ. 15 ม.ค. 2558 - 03:18 น.] #3564007 (8/14)


(N)
จากอาคารเรียนร้าง สู่ กุฏิสงฆ์ และ เป็นที่ประกอบพิธีกรรม
ท่านนอน แคร่ไม้เล้ก ๆ ใช้เป็นที่จำวัด
ท่านต้อนรับลูกศิษลูกหา ไม่แบ่งชันวรรณะ (อุปนิสัย ใจดี อารมณ์ดี มีความเมตตาธรรม) นายหนังตะลุง ส่วนใหญ่ อุปนิสัย ใจดี ท่านเป็นนายหนังตะลุง (ช่วงอายุ 20-33ปี เป็นเวลาถึง 13 ปี) เจ้าบท เจ้ากลอน หากท่านได้ไปกราบท่าน รับรอง มีความสุข กลับบ้าน แบบเต็มเปี่ยม ได้คติธรรม แบบเข้าใจง่าย นำไปให้ในชีวิตประจำวัน

โดยคุณ ค้าคล่อง (1.1K)  [พฤ. 15 ม.ค. 2558 - 04:25 น.] #3564011 (9/14)


(N)


ปฐมบท แห่งเหรียญยอดนิยมมูลค่า นับยี่สิบล้าน เหรียญปู่ไข่ เชิงเลน
เหรียญรุ่นแรกพ่อท่านแผ้ว พิมพ์รูปไข่ ได้ล้อพิมพ์และประยุคค์ จากเหรียญแห่งตำนาน เมืองกรุง สู่ ดินแดนแห่งมนต์ขลัง นามว่า เขาอ้อ สานต่ออีกตำนาน มนต์เสน่ แห่งศาตร์วิชาสำนักสำคัญพันตสิลาเขาอ้อ
.............................................................................
"สำนักเขาอ้อ" ปรากฏชื่อเสียงมานานนับพันปีตั้งแต่สมัยโบราณ ครั้นมาถึงสมัยศรีวิชัยเจ้าเมืองแต่ละเมืองนิยมส่งบุตร
หลานไปศึกษาเล่าเรียนเป็นศิษย์ของสำนักนี้ จนกล่าวได้ว่าสำนักเขาอ้อเป็นตักสิลาของไสยเวทย์ที่มีประวัติสืบทอดมายาวนานที่สุด
ศิษย์ของสำนักเขาอ้อแต่ละท่านจัดได้ว่าเชี่ยวชาญแตกฉานในวิชาศาสตร์แขนงต่างๆ อย่างลึกซึ้งบวกผสมผสานกับหลักธรรมด้าน
สมถะและวิปัสนากัมมัฎฐาน หลักคำสั่งสอนทางพระพุทธศาสนาเข้าด้วยกัน ถึงกาลเวลาจะผ่านไปกี่ยุคกี่สมัยก็ตาม เหตุที่ทำให้
"สำนักเขาอ้อ" ตั้งอยู่ได้ยาวนานและมั่นคงอันเนื่องมาจากกฏระเบียบของ "สำนักเขาอ้อ" ที่มีความเข้มงวดในการคัดเลือกศิษย์
และศิษย์ที่ถูกคัดเลือกเข้าไปก็ปฏิบัติตัวอย่างเคร่งครัดตามกฏของสำนัก เป็นที่ทราบกันดีว่าวิชาทางไสยเวทย์ ไม่ได้เป็นวิชาทาง
พระพุทธศาสนาจะมุ่งเน้นไปทางหลุดพ้นจากวัฎสังสาร ส่วนวิชาไสยเวทย์เป็นวิชาทางศาสนาพราหมณ์ เรียกว่า คัมภีร์ไสยเวทย์
ประกอบด้วยวิชาไสยเวทย์แขนงต่างๆ เช่นการผูกหุ่งพยนต์, การเล่นแร่แปรธาตุ, การทำให้เกิดภาพลวงตาในอาการต่างๆ และ
การอ่านโองการณ์ต่างๆ คัมภีร์ไสยเวทย์เป็นคัมภีร์ที่สอนเกี่ยวกับเรื่องของเวทย์มนต์, คาถาอาคมและอาถรรพ์ต่างๆ ซึ่งศาสนา
พราหมณ์เป็นต้นกำเนิดก่อนพุทธศาสนา วิชาทางไสยเวทย์ต่างๆ จึงถือกำเนิดมาจากศาสนาพราหมณ์แทบทั้งสิ้น

"สำนักเขาอ้อ" เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางทั่วทั้งแคว้นมาลายู ในอดีตจังหวัดพัทลุงเป็นเมืองเก่าแก่เมืองหนึ่งของภาค
ใต้ ศาสนาพราหมณ์จึงแพร่หลายมาพัทลุงก่อนพระพุทธศาสนา ซากโบราณสถานและสถานที่สำคัญๆ ทางศาสนาพราหมณ์
ปัจจุบันยังมีให้เห็นเป็นหลักฐานยืนยันได้ว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่อยู่ของพวกพราหมณาจารย์หรือตาปะขาวมาก่อน วิชาไสย
เวทย์หลักดั้งเดิมของสำนักเขาอ้อที่เป็นวิชาหลักของสำนักนี้ก็คือ

การเสกน้ำมันงาดิบให้เดือดและให้แข็ง ทำพิธีป้อนให้ศิษย์เพื่อคงกระพันชาตรี การอาบน้ำว่าแช่ยา เพื่อคงกระพันชาตรี
และเป็นยาอายุวัฒนะ สักยันต์ที่ตัวหรือมือด้วยดินสอ เพื่อคงกระพันชาตรี, มหาอุตต์, แคล้วคลาดและเมตตามหานิยม ลงตะกรุด
พิชัยสงคราม-พิชัยสมบัติ เกี่ยวกับฤกษ์ยาม เกี่ยวกับการรักษาโรคต่างๆ ทำไม้เท้ากายสิทธิ์ "ต้นชี้ตายปลายชี้เป็น"

ในพงศาวดารเมืองพัทลุงตอนหนึ่ง กล่าวถึงพระกุมารกับนางเลือดขาว ตอนที่สองตายายพบจากกอไผ่ แล้วเอาไปเลี้ยง
นั้น เมื่อทั้งสองเจริญวัยพอสมควรแล้ว สองตายายจึงนำไปฝากกับ พระอาจารย์ทองหูยาน วัดเขาอ้อ เพื่อสอนวิชาความรู้และใน
บันทึกตำราของสำนักเขาอ้อว่า นำไปถวายพระอาจารย์ทองหูยาน เมื่อวันพฤหัสบดี ปีกุน เดือนแปด ขึ้น 15 ค่ำ จุลศักราช 301
(พ.ศ. 1482) ศึกษาจบแล้วเป็นผู้มีวิชาความรู้ทางคงกะพัน, กำบังหรือยังไพรผูกหุ่นพยนต์ จากบันทึกในครั้งนั้นพอสันนิษฐานได้
ว่าสำนักเขาอ้อนี้มีมาก่อนเมืองพัทลุง

เมื่อจุลศักราช 991 (พ.ศ. 2171) "พระสามีราม วัดพะโคะ" หรือที่ทราบในนามของ "หลวงปู่ทวดวัดช้างไห้" ซึ่ง
ประชาชนยกย่องและเรียกท่านว่า "สมเด็จเจ้าพะโค" ได้ไปเรียนปริญยัติธรรม ณ กรุงศรีอยุธยา ครั้งนั้นยังมีพราหมณ์เป็นนัก
ปราชญ์มาจากประเทศสิงหล (ลังกา) มาตั้งปริศนาปัญหาธรรมที่แสนยาก พระเจ้ากรุงศรีอยุธยาทรงโปรดให้พระสามีรามเถระ
แก้ปัญหาธรรมนั้น จนชนะพราหมณ์ชาวสิงหล จึงได้พระราชทานยศเป็น "พระราชมุณี" เมื่อกลับมถึงเมืองพัทลุงได้ก่อพระเจดีย์
บรรจุพระรัตรมหาธาตุไว้บนเขาพะโคะ สูง 1 เส้น 5 วา มีระเบียงล้อมรอบพระเจดีย์ครั้งฉลองพระเจดีย์นั้นพระอาจารย์เฒ่า
วัดเขาอ้อพัทลุงองค์หนึ่งชื่อว่า "สมเด็จเจ้าจอมทอง" ได้นำพุทธบริษัทไปในงานฉลองพระเจดีย์ทางเรือใบ โดยแสดงอภินิหาร
แล่นเรือใบเลยขึ้นไปจนถึงเขาพะโคะ ซึ่งไกลจากทะเลมากทำให้ประชาชนที่เห็นอภินิหารต่างเคารพนับถือ และปัจจุบันสถานที่
ตรงนั้นเรียกกันว่า "ที่จอดเรือท่านอาจารย์วัดเขาอ้อ" ต่อมาสมเด็จเจ้าพะโคะให้คนกวนข้าวเหนียวด้วยน้ำตาลโตนด ทำเป็นก้อน
ยาวประมาณ 2 ศอก โตเท่าขา ให้พระนำไปถวายสมเด็จเจ้าจอมทอง ที่วัดเขาอ้อ ครั้นถึงเวลาฉันท์ สมเด็จเจ้าจอมทองสั่งให้แบ่ง
ถวายพระทุกองค์ แต่ศิษย์วัดตลอดจนถึงพระก็ไม่มีใครที่จะแบ่งได้ เอามีดมาฟันเท่าใดก็ไม่เข้า สมเด็จเจ้าจอมทองจึงสั่งให้นำมา
ให้ท่านๆ จึงใช้มือลูบแล้วส่งให้ลูกศิษย์ตัดแบ่งถวายพระอย่างข้างเหนียวธรรมดา

ครั้นเวลาต่อมา สมเด็จเจ้าจอมทองได้ให้พระนำแตงโมใบโหญ่ 2 ลูก ไปถวายสมเด็จเจ้าพะโคะ พอถึงเวลาฉันฑ์ก็ไม่มี
ใครผ่าออก สมเด็จเจ้าพะโคะทราบเข้าก็หัวเราะชอบใจพูดขึ้นว่า "สหายเราคงแสดงฤทธิ์แก้มือเรา" ท่านรับแตงโมแล้วผ่าด้วย
มือของท่านเองออกเป็นชิ้นๆ ถวายพระ

หลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญฉบับหนึ่ง ซึ่งทางวัดได้รักษาสืบทอดกันมานานนับเป็นร้อยๆ ปี คือ "สานส์ตราของ
เจ้าพระยาเมืองนครศรีธรรมราช" ที่มีมาถึง "พระยาแก้วโกรพพิชัยบดินทร์สุรินทรเดช อภัยพิริยะพาหะ" เจ้าเมืองพัทลุงลงวัน
เสาร์ เดือน 9 ขึ้น 8 ค่ำ ปีระกา จุลศักราช 1103 ตรงกับ พ.ศ.2284 (สมัยแผ่นดินพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ แห่งกรุงศรีอยุธยา) มี
ความว่า "ด้วยขุนศรีสมบัติ นายกองสุราเข้าไปฟ้องว่าที่วัดเขาอ้อสร้างมาก่อนแล้วกลับรกร้าง สิ่งก่อสร้างชำรุดทรุดโทรมลงมาก
คราวหนึ่ง พระมหาอินทราชจากปัตตานี ได้มาเป็นเจ้าวัด และได้ปฏิสังขรณ์วัดขึ้นมาใหม่โดยมีตาปะขาวขุนแก้ว เสนาขุนศรี
สมบัติเป็นหัวหน้าฝ่ายคฤหัสถ์ช่วยกันซ่อมแซมพระพุทธรูปในถ้ำ 1 องค์ ซึ่งปรักหักพังแล้วเสร็จได้ดำเนินการสร้างเสนาะอื่นๆ จน
เป็นที่อยู่อาศัยของสงฆ์ได้ ต่อมาเมื่อได้พระราชทานวิสุงคามสีมาแล้ว พระมหาอินทราชกับคณะดังกล่าวได้จัดการสร้างพระ
อุโบสถขึ้น ตาปะขาวขุนแก้วเสนาได้มีหนังสือขอพระราชทานคุมเลข ยกเว้นการใช้งานหลวงต่างๆ ถวายไว้แก่วัดเพื่อช่วยเหลือ
ในการสร้างพระอุโบสถ 5 คน คือนายเพ็ง, นางพรหม, นายนัด, นายคง และนายกุมาร ครั้นพระอุโบสถเสร็จแล้วก็มีหนังสือบอก
ถวายพระราชกุศลให้ทรงทราบทรงพระกรุณาโปรดเกล้าๆ พระราชทานพระพุทธรูปหล่อด้วยทองสัมฤทธิ์องค์หนึ่งหล่อด้วย
เงินอีกองค์หนึ่งส่งไปประดิษฐานไว้ที่วัดเขาอ้อ แล้วพระมหาอินทราชพร้อมด้วยสัปบุรุษ ทายก ได้จ้างช่างเขียนลายลักษณะพระ
พุทธบาท ทำมณฑป กว้าง 5 วา สูง 6 วา ขึ้นบนไหล่เขาอ้อ เป็นทีป่ระดิษฐานลายลักษณ์พระพุทธบาท ต่อมาพระมหาอิทราชทรง
เห็นว่าลายลักษณ์ที่จ้างช่างเขียนไว้ไม่ถาวร จึงพร้อมด้วยขุนศรีสมบัติ เรี่ยไรเงินจากผู้ที่ศรัทธาได้ 10 ตำลึง

มีบันทึกทางประวัติศาสตร์ได้กล่าวถึงความสำคัญของสำนักเขาอ้อ เกี่ยวกับวิชาไสยศาสตร์อยู่ตอนหนึ่งความว่าเมื่อปี
พ.ศ.2328 ครั้งที่พม่ายกทัพมาตีเมืองชุมพร, เมืองไชยา, เมืองนครศรีธรรมราช ได้เป็นผลสำเร็จแล้วยกทัพตีมาเรื่อย พระยา
พัทลุง (ขุน) กับพระมหาช่วย วัดป่าเลไลย์ ชาวบ้านน้ำเลือด ซึ่งเป็นศิษย์อาจารย์วัดเขาอ้อ มีความรู้เชี่ยวชาญในทางไสยเวทย์ได้
ลงตะกรุด, ผ้าประเจียดให้แก่ไพร่พล แล้วแต่งเป็นกองทัพยกไปคอยรับทัพพม่า อยู่ที่ตำบลท่าเสียด ครั้นทัพพม่ายกกำลังมาถึง
เห็นกองทัพไทยจากพัทลุงมีกำลังมากกว่าตน แต่ที่แท้จริงมีกำลังน้อยกว่ากองทัพพม่าหลายเท่า แต่ด้วยอำนาจเวทย์มนต์พระคาถา
ที่พระมหาช่วยนั่งบริกรรมภาวนา อยู่เบื้องหลังทำการผูกหุ่นพยนต์ขึ้น เป็นทหารสูงใหญ่ให้ข้าศึกมองเห็นเป็นคนจำนวนมากและ
มีกำลังร่างกายสูงใหญ่ ดุดันผิดปรกติ กองทัพพม่าจึงยกทัพกลับไป พระมหาช่วยมีความชอบ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ลา
สิกขา แล้วทรงโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็น "พระยาทุกขราษฎร์" เป็นผู้ช่วยราชการเมืองพัทลุง ชาวเมืองพัทลุงได้ยกย่องพระมหา
ช่วยว่าเป็นวีรบุรุษ จึงได้ร่วมใจกันสร้างอนุสาวรีย์ประดิษฐานไว้ที่สามแยก ท่ามิหรำ อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง

"สำนักเขาอ้อ" เป็นสำนักที่พราหมณาจารย์, ตาปะขาว, โยคี และพระภิกษุสงฆ์ ได้บำเพ็ญพรต เจริญสมถะและ
วิปัสนากรรมฐานเรื่อยมา สืบทอดกันมาหลายยุคหลายสมัย ในถ้ำฉัตทันต์บรรพตท่านผู้มีสมาธิแก่กล้าได้ฝึกจิตตั้งแต่ปฐมฌาน
เรื่อยไปสูงขึ้นไปเป็นลำดับตั้งแต่วิชา 3 ประการ ได้แก่ รูปฌาณ, อรูปฌาณและอภิญญา 6

ซึ่งวิชา 3 ประการคือ
1. อตีตังสญาณ คือ ญาณที่สามารถหยั่งรู้อดีต
2. อนาคตังสญาณ คือ ญาณที่สามารถหยั่งรู้อนาคต
3. อาสวขญาณ คือ ญาณที่สามารถหยั่งรู้ว่าหมดกิเลส

รูปฌาณ มี 4 ประการคือ
1. ปฐมฌาณ ประกอบด้วย องค์แห่งฌาณ 5 ประการ ได้แก่ วิตก, วิจารณ์, ปิติ, สุข, เอกคัตตา
2. ทุติฌาณ ประกอบด้วย องค์แห่งฌาณ 3 ประการ ได้แก่ ปิติ, สุข, เอกคัตตา
3. ตติยฌาณ ประกอบด้วย องค์แห่งฌาณ 2 ประการ ได้แก่ สุข, เอกคัตตา
4. จตุฌาณ ประกอบด้วย องค์แห่งฌาณ 1 ประการ ได้แก่ เอกคัตตา

อรูปฌาณ เป็นฌาณที่สูงกว่ารูปฌาณมมี 4 ประการคือ
1. อากาศายัญจายตณฌาณ
2. อาภิญยัญจายตณฌาณ
3. วิญญานัญจายตณฌาณ
4. เนวสัญญานาสัญญายตณฌาณ

เมื่อสำเร็จอรูปฌาณแล้วไล่สูงขึ้นไปกว่านี้คือ จตุสัมภิทา 4 ประการไปจนถึง อภิญญา 6 ประการพราหมณจารย์ตาปะ
ขาว, โยคีและคณาจารย์ เหล่านั้นได้บำเพ็ญพรตตะบะแก่กล้า สืบทอดกันมายาวนานนับพันปี หลายดวงจิต ที่ดับขันธ์ทิ้งสังขาร
ไว้ในถ้ำแห่งนี้เพื่อศึกษาค้นคว้าร่ำเรียนศาสตร์แขนงต่างๆ และคณาจารย์, พระภิกษุสงฆ์เพื่อค้นหาความหลุดพ้นท่านเหล่านั้น
เป็นผู้ฝึกจิตอันแก่กล้าตั้งแต่วิชา 3 ประการ รูปฌาณ, อรูปฌาณ และอภิฌาณ 6 ท่านจึงจะแสดงฤทธิ์ได้ตามลำดีบสูงขึ้นไป ซึ่ง
แสดงให้เห็นว่า "สำนักเขาอ้อ" เป็นเมืองหรือถ้ำตักสิลา ผู้ที่ได้ศึกษาวิชาอาคมแขนงต่างๆ ที่ทางสำนักได้สั่งสอน ได้สำเร็จสืบ
ทอดตามครูบาอาจารย์มาตราบเท่าจนทุกวันนี้ :embarass

โดยคุณ ค้าคล่อง (1.1K)  [พฤ. 15 ม.ค. 2558 - 10:31 น.] #3564118 (10/14)


(N)
พัทลุง จังหวัดเก่าแก่ที่ยังคงมีมนต์เสน่ห์และความน่าสนใจหลายๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นประวัติศาสตร์ ธรรมชาติ วิถีชีวิต ฯลฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคส่วนของเรื่องราวที่ค่อนข้างเหนือโลกแต่มีอยู่จริง จำพวก จิตวิญญาณ คาถาอาคม ทั้งนี้อาจด้วยสาเหตุใหญ่ว่า พัทลุง เป็นที่ตั้งของ “วัดเขาอ้อ” ตักศิลาอันดับหนึ่งของภาคใต้ เรื่องราวของวัดเขาอ้อที่ผูกพันกับแนวความคิด วิถีชีวิต ตลอดจนค่านิยม จึงถูกปลูกฝังกันมาชนิดแบบรุ่นต่อรุ่นและเป็นการปลูกฝังที่ยาวนานมานับร้อยนับพันปี ปฏิเสธไม่ได้ว่า “เขาอ้อ” คือลมหายใจของพัทลุง
พ่อท่านแผ้ว ผลฺปัญโญ แห่งสำนักปฏิบัติธรรมใสหลวง ตำบลปันแต อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง มีนานเดิมว่า “แผ้ว ขำตรี” เกิดเมื่อ พ.ศ.๒๔๗๖ ณ บ้านห้วยรากไม้ (บ้านดอนมูล) หมู่ที่ ๑๐ ตำบลปันแต อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง บิดา-มารดา ชื่อ “นายหนู-นางพูน ขำตรี” สิริอายุปัจจุบัน ๘๒ ปี ๑๖ พรรษา อาจกล่าวได้ว่าพ่อท่านแผ้ว เป็นชาวพัทลุงแท้ๆ ที่ได้รับการปลูกฝังค่านิยมในความเป็นเขาอ้อ การฝังรากไปในแนวความคิดแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่ผิด ในทางกลับกันการหยั่งรากลึกลงไปในศาสตร์ลึกลับแบบเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตกับเป็นส่วนเพิ่มและเติมเต็มความขลังได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ และแน่นอนว่าขลังหรือไม่ขลัง คงจะไม่ได้อยู่ที่จิตอย่างเดียว มันต้องบวกทัศนคติและมีพื้นฐานที่ดีเข้าไปด้วย
พ่อท่านแผ้ว มีศักดิ์เป็นหลานแท้ๆ ของ “พระอาจารย์นำ ชินวโร(แก้วจันทร์) แห่งวัดดอนศาลา” ท่านเคยเล่าว่าในสมัยที่ท่านยังเป็นเด็ก ด้วยใจรักในไสยศาสตร์ทำให้ท่านเฝ้าติดตามอาจารย์นำ (สมัยเป็นฆราวาส) ไปเป็นลูกมือประกอบพิธีกรรมตามที่ต่างๆ ท่านว่าการเป็นลูกมือนี่แหละสำคัญนัก เพราะนอกจากจะเป็นการฝึกฝนไปในตัวแล้ว ค่าของความเป็นลูกมือคือการได้รับความไว้วางใจจากอาจารย์ผู้สอน ซึ่งท่านบอกว่าแม้แต่พระอาจารย์นำได้มาอุปสมบทแล้ว ท่านก็ยังถือเป็นโอกาสเข้ามาช่วยงานในด้านพิธีกรรมต่างๆ ของวัดดอนศาลาอยู่เป็นประจำ
พ่อท่านแผ้ว อุปสมบทครั้งแรกตามธรรมเนียมปฏิบัติ เมื่ออายุครบ ๒๐ ปีบริบูรณ์ (พ.ศ. ๒๔๘๖) ณ วัดควนปันตาราม โดยมีท่านพระครูรัตนาภิรม (ตาหลวงเน) เป็นพระอุปัชฌาย์ จริงอยู่ถึงชื่อของ “ตาหลวงเน” อาจจะไม่โด่งดังหรือแพร่หลายออกมาสู่โลกภาคนอกมากมายเท่าใดนัก แต่สำหรับพัทลุงแล้ว ตาหลวงเน นับเป็นพระมหาเถราจารย์ที่ยิ่งใหญ่ โดยเฉพาะในเรื่องของไสยเวทย์แล้วว่ากันว่าพระอาจารย์ดิษฐ์ วัดปากสระ เจ้าของพระสังกัจจายน์ขนาดห้อยคออันกับหนึ่งของพัทลุง ยังให้คำรับรอง ความขลังขมังเวทย์ของตาหลวงเน ได้ถูกถ่ายทอดให้ทายาททางอาคมหลายต่อหลายองค์ เท่าที่มีชีวิตและมีชื่อเสียงในทุกวันนี้ก็ เช่น พ่อท่านช่วง วัดควนปันตาราม พ่อท่านสุมิตร วัดทุ่งเตง และพ่อท่านแผ้ว ผลฺปัญโญ สำนักปฏิบัติธรรมใสหลวง
นอกจากการได้เป็นศิษย์ของ ๒ เสาหลักแห่งสำนักเขาอ้อแล้ว พ่อท่านแผ้ว ยังได้ชื่อว่าเป็นอีกผู้หนึ่งที่มีโอกาสได้รับการถ่ายทอดวิชาโดยตรงจาก “พระอาจารย์ปาล ปาลธัมโม แห่งวัดเขาอ้อ” ท่านเคยเล่าว่าเดิมทีเคยดิดว่าตนเองเป็นผู้ที่มีวิชาดี มีอาจารย์ดี แต่เพราะได้รับการกำราบจากพระอาจารย์ปาล นี่แหละ ทำให้ท่านพบความสว่างและสัจธรรมของความจริงที่ว่า
“ของจริงนิ่งเป็นใบ้ ของพูดได้ไม่ใช่ของจริง”
ท่านว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นกับตัวท่านเอง ซึ่งเป็นช่วงที่ท่านลาสึกขาออกมามีครอบครัว ท่านเล่าว่าในช่วงนั้นเป็นยุคคอมมิวนิสต์ครองเมือง จังหวัดพัทลุงถือเป็นพื้นที่สีแดง ตัวท่านเองรับใช้บ้านเมืองโดยการเป็นอาสาสมัคร ประจำการ ณ เขาปู่ มีอยู่วันหนึ่งขณะกำลังพักผ่อน ได้ถูก ผกค.เข้าล้อมและโจมตี ท่านว่าเสียงกระสุนปืนที่ดังแหวกอากาศผ่านเส้นผม ทำให้อาสาสมัครทุกคนไม่สามารถโงหัวขึ้นมาต่อกรได้ และจะด้วยเหตุผลประการใดก็ไม่อาจทราบได้ แต่ที่แน่ ๆ อาสาสมัครของทุกต่างมีตะกรุดของพระอาจารย์ปาลคาดเอวกันทั้งนั้น
ท่านเล่าว่าในยามวิกฤตินั้น เมื่อถึงจุด ๆ หนึ่งที่คาบเกี่ยวระหว่างความเป็นกับความตาย ท่านได้บอกให้ทุกคนตั้งใจให้มั่น เอาครูบาอาจารย์และของขลังที่ทุกคนมีติดตัว เป็นแรงใจ ลุกขึ้นยิงต่อสู้จนในที่สุดสามารถแหกวงล้อมและรอดพ้นอันตรายได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ ด้วยเหตุนี้เองในยามว่างจากการงานหรือการปฏิบัติภารกิจต่าง ท่านจึงถือเป็นโอกาสเข้าไปรับใช้ ไปอุปฐาก และไปเก็บเกี่ยววิชาความรู้ต่างๆ จากพระอาจารย์ปาล จนกระทั่งพระอาจารย์ปาลมรณภาพลง ความชัดเจนในสายวิชาและครูบาอาจารย์นี้เอง ทำให้พ่อท่านแผ้วได้รับสมญานามว่า “เพชรน้ำงามสามเขาอ้อ”
นอกจากสายวิชาของเขาอ้อแล้ว ส่วนหนึ่งที่ชาวบ้านยอมรับในวิชาของพ่อท่านแผ้ว คือวิชาอาคมในสายหนังตะลุง เช่น เมตตา มหาเสน่ห์ กันของ แก้ของ ฯลฯ ทั้งนี้เนื่องจากในอดีตพ่อท่านแผ้ว คือนายหนังตะลุงที่มีชื่อเสียงของพื้นที่ ว่ากันว่ายามใดก็ตามที่หนังของครูแผ่วเล่นละก็ รับประกันได้ว่าสะกดจิต สะกดใจ ผู้ชมจนไม่สามารถลุกขึ้นไปที่อื่นได้จนกว่าการแสดงจะเลิก ซึ่งพ่อท่านแผ่วบอกว่าเรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องของการใช้คาถาอาคมประกอบแรงครู แรงครูของสายหนังตะลุงถือได้ว่าแรงและลึกไม่น้อยไปกว่าศาสตร์แห่งแรงครูในแขนงอื่นๆ ด้วยเหตุนี้เองจึงไม่น่าแปลกใจที่ ตะกรุด,มีดหมอ ที่ท่านเคยสร้างขึ้นมาจึงได้ขลังพลังลึกและมากไปด้วยประสบการณ์
หลังจากที่ครอบครัวมีความมั่นคงแล้ว พ่อท่านแผ้ว ได้ตัดสินใจหันหลังให้กับทางโลก อุปสมบทครั้งที่ ๒ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๒ ณ วัดบ้านสวน ตำบลมะกอกเหนือ อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง โดยมีพระครูวิโรจน์ศาสนกิจ (พ่อท่านช่วง) เป็นพระอุปัชฌาย์ ปัจจุบันในวัย ๘๒ ปี ๑๖ พรรษา พ่อท่านแผ้วยังมีสุขภาพแข็งแรง ความจำดี และเป็นที่พึงพาของชาวบ้าน หากมีเวลาเรียนเชิญกราบนมัสการท่านได้ที่ ศูนย์ปฏิบัติธรรมบ้านใสหลวง อ.ควนขนุน จ.พัทลุง

โดยคุณ ค้าคล่อง (1.1K)  [พฤ. 15 ม.ค. 2558 - 10:56 น.] #3564140 (11/14)
+++ เพิ่มรายชื่อศูนย์จอง ++++
20. เจมส์ สุราษ 084-3044274 (สุราษ)
21. อมรเทพ 083-5399066 (นครศรี)
22 เจ๊น้อย พันทิพ 084-1889367 (กทม.)

โดยคุณ pmgolf (28)(4)   [พฤ. 15 ม.ค. 2558 - 22:39 น.] #3564551 (12/14)
ตกรายชื่อ พระเครื่อ ณ มงคลบารมี 080 782 1329 นะครับ

โดยคุณ ค้าคล่อง (1.1K)  [ส. 17 ม.ค. 2558 - 00:54 น.] #3565121 (13/14)
รับทราบ คับ
+++ เพิ่มรายชื่อศูนย์จอง ++++
23 ณ มงคลบารมี 080 782 1329

โดยคุณ pmgolf (28)(4)   [จ. 19 ม.ค. 2558 - 23:13 น.] #3566230 (14/14)
ขอบคุณค้าบ

!!!! กรุณา Login ก่อนจึงจะเสนอความคิดเห็นได้ !!!


Copyright ©G-PRA.COM
www1