ร่วมเสนอความคิดเห็น

หัวข้อกระทู้ : หลวงพ่อสำเริง (เกิง) นริสสโร วัดบ้านปุ่น จ.ศรีสะเกษ ศิษย์เเละเหลนของหลวงพ่อมุม



(N)


หลวงพ่อสำเริง (เกิง) นริสสโร วัดบ้านปุ่น จ.ศรีสะเกษ ศิษย์เเละเหลนของหลวงพ่อมุม เเห่งวัดปราสาทเยอร์
เเละเตรียมพบกับเสมา รุ่น เศรษฐีอุดมโชค ของท่าน เร็วๆนี้ครับ
ทีมงาน พุทธคุณ

โดยคุณ thanapol_25 (2.5K)  [จ. 08 ส.ค. 2559 - 11:12 น.]



โดยคุณ Thanapol_25 (2.5K)  [จ. 08 ส.ค. 2559 - 11:14 น.] #3764585 (1/5)
ประวัติของหลวงพ่อสำเริงพอสังเขป
หลวงพ่อสำเริง นริสสโร มีนามเดิมว่า สำเริง ชาติเชื้อ เกิดเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2502 (ปัจจุบันอายุ 55 ปี)
ณ บ้านตะกวน ต.พิงพาย อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีษะเกษ (ปัจจุบัน ต.พิงพาย ขึ้นอยู่กับ อ.ศรีรัตนะ)
มีพี่น้องร่วมบิดา-มารดา ทั้งสิ้น 6 คน เป็นผู้หญิง 5 คน และผู้ชาย 1 คน คือตัวหลวงพ่อ
โยมบิดาชื่อ นายสง่า ชาติเชื้อ และโยมมารดาชื่อ นางทอง รุ่งเรือง เมื่อตอนเล็ก ๆ หลวงพ่อเป็นเด็กเลี้ยงยาก
เพราะชอบป่วยไข้เป็นประจำ และด้วยเหตุที่โยมบิดาของหลวงพ่อมีศักดิ์เป็นหลานแท้ ๆ
ของหลวงพ่อมุม วัดปราสาทเยอร์ (ยอดพระเกจิแห่งเมืองศรีสะเกษ) จึงได้นำตัวเด็กชายสำเริงนั่งเกวียนไปหา
หลวงพ่อมุม ณ วัดปราสาทเยอร์ เพื่อฝากเด็กชายสำเริงไว้เป็นบุตรบุญธรรมของหลวงพ่อมุม เพื่อเป็นการเอาเคล็ด .......
เมื่อโยมพ่อนำตัวเด็กชายสำเริงมาหาหลวงพ่อมุมและหลวงพ่อมุมได้ทราบถึงจุดประสงค์แล้ว
หลวงพ่อมุมจึงได้นำตัวเด็กชายสำเริงไปนั่งในตักพร้อมบริกรรมคาถาเป่ากระหม่อมพร้อมทั้งบ้วนน้ำหมากเข้าปากเด็กชายสำเริง
ชะรอยที่หลวงพ่อมุมอาจจะรู้กาลอนาคตล่วงหน้าว่าเด็กที่นั่งอยู่ในตักคนนั้น สืบต่อไปในภายภาคหน้าคงจะดำรงตนเป็นพุทธบุตร
และเป็นที่พึ่งพิงของชาวบ้านเป็นแน่.......
หลังจากได้รับเด็กชายสำเริงเป็นบุตรบุญธรรมแล้ว หลวงพ่อมุมได้กล่าวว่าเด็กคนนี้คงจะไม่เป็นอะไรอีกแล้วพร้อมกล่าวให้ศีลให้พร
และบอกให้โยมพ่อโยมแม่ของเด็กชายสำเริงนำกลับไปเลี้ยงดูให้ดี ซึ่งกาลครั้งนั้นนับเป็นครั้งแรกที่หลวงพ่อสำเริงได้พบเจอกับหลวงพ่อมุม
และหลังจากนั้นเด็กชายสำเริงก็กลายเป็นเด็กที่เลี้ยงง่ายและไม่ได้มีอาการไข้หรือเจ็บป่วยอีกเลย ......
ในวัยเด็กหลวงพ่อเป็นเด็กที่ขยันขันแข็ง ร่าเริงแจ่มใส จิตใจดีงาม มีความเมตตาชอบเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่
เมื่อถึงเกณฑ์เข้าเรียน หลวงพ่อก็ได้เข้าเรียนที่โรงเรียนบ้านตะกวน ซึ่งอยู่ใกล้บ้าน จนจบ ป.4
ซึ่งถือว่าเป็นเด็กรุ่นแรกสุดของโรงเรียนแห่งนี้ จากนั้นก็ได้ออกมาช่วยบิดา-มารดา ทำไร่ทำสวนตามอาชีพเดิมด้วยความขยันขันแข็ง
ครั้นปี 2520 เมื่ออายุได้ 18 ปี จึงได้บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดโพธิ์พระองค์ โดยมีพระครูอรรถกิจสุนทร (เสียง) เจ้าอาวาสวัดจันทราราม
เป็นพระอุปัชฌาย์ หลังจากนั้นอีก 2 ปี จึงได้เข้ารับการอุปสมบทที่เดิมคือวัดโพธิ์พระองค์ โดยครั้งนี้มีพระครูรัตนภูมิจารย์ (ฉัตร) วัดศรีแก้ว
เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูสังฆรักษ์ประสาท (เว็ด) เจ้าอาวาสวัดโพธิ์พระองค์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์
และพระอธิการนวล วัดจันทรารามเป็นพระอนุสาวนาจารย์ และในปีนั้นก็ได้จำพรรษาอยู่ที่วัดโพธิ์พระองค์....
ขณะบวชเป็นสามเณรก็เริ่มเรียนวิชาเป่าไล่ผีและวิชาตำรับยาสมุนไพรกับหลวงปู่เว็ด เจ้าอาวาสวัดโพธิ์พระองค์
พร้อมกันนี้ หลวงปู่ชาติ หลวงปู่สาม และหลวงปู่เว็ดได้นำสามเณรสำเริงไปฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อมุม วัดปราสาทเยอร์
ด้วยในฐานะเป็นเหลนและบุตรบุญธรรมของหลวงพ่อมุม จึงได้รับความเมตตาเป็นอย่างยิ่ง .....
ระหว่างที่ได้บรรพชาเป็นสามเณรและอุปสมบทจำพรรษาอยู่ที่วัดโพธิ์พระองค์นั้น หลวงพ่อสำเริงก็ได้ไปปรนนิบัติรับใช้หลวงพ่อมุมอยู่เสมอ
และหลวงพ่อมุมได้สอนในเรื่องกัมมัฐฐาน และคาถาอาคมเบื้องต้น พร้อมกำชับเรื่องการรักษาศีลเพื่อรักษาความดีอย่าให้ขาดตกบกพร่อง
ปลายปี 2522 เมื่อออกพรรษาแล้ว หลวงพ่อสำเริงก็ได้เดินทางไปจำพรรษาที่วัดศรีกุญเมือง อ.เรณูนคร จ.นครพนม
เพื่อศึกษาทางโลกเพิ่มเติมที่วัดพระธาตุเรณู จนจบ ม.ศ. 3 หลังจากนั้นหลวงพ่อสำเริงจึงได้เริ่มออกธุดงค์เป็นจริงเป็นจังเพื่อฝึกจิต
ศึกษาวิชาอาคมและความรู้ใส่ตัว สำหรับการธุดงค์วัตรและการศึกษาความรู้ทางไสยเวทย์นั้นก็พอจะสรุปได้คร่าว ๆ คือ
ขณะไปจำพรรษาที่ อ.เรณูนคร จ.นครพนม เมื่อว่างจาการเรียนทางโลก ก็ได้ข้ามไปฝั่งลาว เพื่อตั้งใจไปฝากตัวเป็นศิษย์ท่านสำเร็จลุน
แต่ด้วยจำกัดเรื่องการเดินทางและระยะเวลาทำให้ไม่สมประสงค์ แต่ก็ได้เรียนต่อวิชากับลูกศิษย์สำเร็จลุนถึง 2 รูป คือ ท่านแก้ว
ซึ่งหลวงพ่อได้เรียนวิชาคาถามหาหงส์ และท่านมหาสวาท ซึ่งหลวงพ่อได้เรียน คาถาขุนแผนชมตลาด
ช่วงปลายปี 2525 หลวงพ่อได้ออกธุดงค์ไปทางภาคเหนือจนถึงวัดท่าสองยาง และได้รับความเมตตาจากครูบาสร้อย
ซึ่งท่านได้สอนวิชาสีผึ้งมหาเวทย์ น้ำมันพราย และเสกไม้ไก่กุก และหลวงพ่อก็ได้ธุดงค์ลงไปทางภาคใต้ จนถึง อ. แว้ง จ.นราธิวาส
และขากลับขึ้นมาได้ศึกษาวิชากับพ่อท่านคล้อย วัดถ้ำเขาเงิน ซึ่งได้รับการสอนวิชาเสกสีผึ้ง วิชาเสกน้ำมัน และวิชาเผาไม่ไหม้
และได้รับความเมตตาจากหลวงพ่อยิด วัดหนองจอกสอนวิชาเสกปลัดขิก และได้เดินทางสู่วัดกุฏีดาว จ.เพชรบุรี
เข้าสู่กทม. เพื่อจำพรรษา ณ วัดโบสถ์สามเสน เมื่อปี 2526
หลังจากนั้น หลวงพ่อได้เดินทางกลับเข้าสู่บ้านเกิด ณ วัดโพธิ์พระองค์ ซึ่งขณะอยู่ที่นี้ เมื่อออกพรรษาหลวงพ่อได้ธุดงค์ไปฝั่งเขมรบ่อยครั้ง และยังได้ศึกษาเรียนวิชากับหลวงพ่อและพระเกจิแถว ๆ พื้นที่ อาทิเช่น
- หลวงปู่เจียม วัดกะมอล ได้เรียนวิชาเมตตาเสน่หา , ยาสมุนไพร , น้ำมันว่าน 108 และวิชาอยู่ยงคงกระพัน
- หลวงปู่โป๊ะ วัดบ้านบิง ได้เรียนวิชาทำสีผึ้งกายสิทธิ์เมตตามหานิยม ซึ่งเป็นตำรับมรดกตกทอดของพระยาขุขันธ์ , วิชาปลาดุก (ทำตะกรุดใต้น้ำ)
- หลวงปู่สาย วัดตะเคียนราม ได้เรียนวิชาคงกระพัน , สักยันต์
- หลวงปู่หงษ์ วัดเพชรบุรี ได้เรียนวิชาสีผึ้งมนต์แก้บ้า , แก้เสน่ห์ยาแฝด , แก้คุณไสย
- หลวงปู่คีย์ วัดศรีลำยอง ได้เรียนวิชากำหราบไฟ
- หลวงปู่เจียม วัดอินทราราม ได้เรียนวิชากัมมัฐฐาน
สำหรับหลวงปู่เจียม วัดกะมอล หลวงพ่อสำเริงสนิทสนมกันมากท่านได้ไปมาหาสู่กันเป็นประจำ หลวงพ่อเล่าว่า ได้พบกับหลวงปู่สรวง
ท่านมาเล่นว่าวที่วัดกะมอลนี้แหละ ส่วนครั้งที่สองได้ธุดงค์เจอฝั่งเขมร และได้เคล็ดวิชาในการปลุกเสกพระ
ปี 2529 หลวงพ่อได้เริ่มสร้างวัดบ้านปุ่น ต. ไพร อ.ขุนหาญ จ.ศรีศะเกษ ซึ่งท่านได้อยู่ที่นี้ 2 ปี หลังจากนั้น
ท่านได้กลับไปวัดโพธิ์พระองค์และให้ลูกศิษย์ดูแลวัดบ้านปุ่นต่อไป
ปี 2545 ท่านร่วมกับชาวบ้านริเริ่มสร้างวัดบ้านตะกวน อ.ศรีรัตนะ จ.ศรีศะเกษ
ปี 2555 สร้างศูนย์ปฎิบัติธรรมปูตาเรียน ให้พระอมรดูแลจนถึงปัจจุบัน

โดยคุณ Thanapol_25 (2.5K)  [จ. 08 ส.ค. 2559 - 16:18 น.] #3764661 (2/5)


(N)



โดยคุณ pomkaew (15.8K)  [จ. 08 ส.ค. 2559 - 19:43 น.] #3764685 (3/5)

โดยคุณ popsan (782)  [จ. 08 ส.ค. 2559 - 20:36 น.] #3764707 (4/5)

โดยคุณ k_artit (3.2K)(3)   [พฤ. 11 ส.ค. 2559 - 18:32 น.] #3765213 (5/5)










!!!! กรุณา Login ก่อนจึงจะเสนอความคิดเห็นได้ !!!


Copyright ©G-PRA.COM
www1