(N)
ที่สุดของพระเครื่องล้ำค่าเมืองพิจิตร กับ ที่สุดพระเกจิยุคปัจจุบันเมืองพิจิตร "หลวงพ่อหวั่น วัดคลองคูณ"
.
ประวัติ พระพิจิตรเม็ดข้าวเม่า'พระกู้ชาติ' คู่ ๒ มหาราชของไทย
เมืองพิจิตร ได้ชื่อว่าเป็นเมืองของนักรบมาแต่โบราณ เป็นเมืองหน้าด่าน เป็นเมืองสำคัญที่ต้องรับศึกหลายด้าน
เหตุนี้พระเครื่องของเมืองนี้จึงมีพุทธคุณเด่นด้านคงกระพันชาตรี มีเรื่องเล่าขานถึง 2 พระมหากษัตริย์
ที่ทรงกู้เอกราชของชาติไทย พระองค์แรกคือ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช เล่ากันว่า
พระองค์ได้ทรงนำพระเครื่องเมืองพิจิตร ติดพระองค์ตลอดเวลายามออกศึก
โดยทรงติดไว้ที่พระมาลา (หมวก) และพระองค์ที่สอง คือ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
จากภาพวาดในปัจจุบัน ที่ชาวไทยหลายบ้านมีไว้สักการบูชา จะปรากฏว่า ที่พระมาลาของพระองค์มี
พระพิจิตรเม็ดข้าวเม่า ติดอยู่เช่นกัน ดังภาพครั้งที่ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช กรุงธนบุรี
เข้าพิธีพุทธาภิเษก พระชัยมาลา ฉลองบูรณะศาลของพระองค์ที่ จ.ตาก เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2549
พระพิจิตรเม็ดข้าวเม่า เป็นพระเครื่องเนื้อชินเงินองค์เล็กมาก เป็นพระที่ขุดพบที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ซึ่งเป็นวัดหลวงของเมืองพิจิตร
สร้างในสมัยกรุงสุโขทัยตอนปลาย พระพิจิตรเม็ดข้าวเม่าที่พบมีอยู่หลายพิมพ์ เช่น พิมพ์แขนกลม พิมพ์แขนหักศอก และพิมพ์ไม่มีฐาน
เป็นต้น
พระพิจิตรเม็ดข้าวเม่า นี้มีสัณฐานเล็กมาก ลักษณะเป็นทรงรีๆ แบนๆ คล้ายกับข้าวเม่า จึงได้ชื่อเรียกนี้มาแต่โบราณ
พุทธลักษณะของพระพิจิตรเม็ดข้าวเม่า เนื่องจากขนาดขององค์พระเล็กมาก จึงแสดงเป็นเส้นสายเท่านั้น
แต่ก็คมชัดทุกองค์ แสดงเป็นพระเศียร พระเกศ ลำพระองค์ แสดงเป็นปางสมาธิ บนฐานหมอน
และพระพิจิตรเม็ดข้าวเม่านี้มักจะมีเกศเอียงไปทางขวา นักนิยมพระเครื่องในสมัยก่อนบางท่านก็จะเรียกพระพิจิตรเกศคดบ้างก็มี
ด้านหลังของพระพิจิตรเม็ดข้าวเม่าจะเป็นลักษณะลายผ้าหยาบๆ ถ้าเป็นลายผ้าละเอียดๆ ล่ะก็น่าจะไม่ใช่ครับ
สำหรับพระพิจิตรเม็ดข้าวเม่าเท่าที่พบมีอยู่เนื้อเดียวคือเนื้อชินเงิน บางองค์ก็พบที่แก่ตะกั่วก็มีบ้าง
พระพิจิตรเม็ดข้าวเม่าเท่าที่พบจะบางมากไม่หนาอย่างพระทั่วๆ ไป
ส่วนมากที่พบพระจะมีรอยระเบิดที่ผิวเป็นส่วนมาก หรือแตกปริตามขอบข้างเสียเป็นส่วนใหญ่ ผิวส่วนมากจะออกสีดำคล้ำๆ แบบสนิมตีนกา
พระพิจิตรเม็ดข้าวเม่า มีพุทธคุณเด่นทางด้านอยู่ยงคงกระพันชาตรี มีชื่อเสียงโด่งดังมาช้านาน
สมัยโบราณนิยมใช้อมใส่ปากเวลาไปไหนมาไหนแบบเดียวกับพระพิจิตรเม็ดน้อยหน่า พอในยุคต่อมาก็เลี่ยมแค่จับขอบ
จึงทำให้พระพิจิตรเม็ดข้าวเม่านั้นชำรุดสูญหายไปมาก ปัจจุบันจึงไม่ค่อยพบเห็นพระแท้ๆ กันเลย หายากมากจริงๆ ครับ |