(N)
เสมาครึ่งองค์ เจ้าสัวแสนนิยม หลวงปู่แสน
วัตถุมงคลรุ่นนี้ได้ขอวัดอนุญาตจัดสร้าง เพื่อนำปัจจัยมาสมทบทุน สร้างศาลาการเปรียญที่ยังสร้างไม่แล้วเสร็จ ณ วัดบ้านหนองจิก อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ
เราจะสร้างพระ...แบบเชิงพุทธคุณคู่พุทธศิลป์ ให้เป็นเครื่องยึดเหนียวจิตใจ. และมีคุณค่ามีราคาเก็บเป็นไว้สมบัติล้ำค่าให้ลูกหลาน"
เราจะสร้างเสมาครึ่งองค์ รุ่นเจ้าสัวแสนนิยม ให้เป็นที่นิยม ดัง ปัง ทั่วประเทศ
สร้างโดย วิธวัฒน์ : วิทย์ เมืองตาก
สำหรับ รุ่นสัวแสนนิยม แรงบันดาลใจการออกแบบเหรียญมาจาก เหรียญเสมาหลวงปู่ทิมผสมผสานกับเหรียญเจริญพรบนหลวงพ่อคูณ ออกมาเป็น เสมาครึ่งองค์ที่ลงตัวหลวงปู่แสน โชคดีได้ทีมกราฟฟิคจากทีมงานฉะเชิงเทรา มาเป็นทีมงานให้ และกลุ่มเพื่อนบวกลูกค้าเดิมที่เชื่อมั่นในฝีมืองาน วิทย์เมืองตาก กับจำนวนการสร้าง เพียง 5,555 เหรียญ มีตั้งแต่เนื้อทองคำ เนื้อเงิน เนื้อนวะ เนื้อชนวน เนื้ออัลปาก้า และเนื้อทองแดง ด้วยบารมีหลวงปู่แสน ดังไกลถึงต่างประเทศบวกกับความสวยของเหรียญรุ่นนี้ จึงมีลูกศิษย์ มากมาย ทั้งในและต่างประเทศ มาขอจองใบจอง รุ่นเจ้าสัวแสนนิยมนี้ กันอย่างมากมาย ทำให้ยอดบูชาจองรุ่นนี้หมดไปภายในเวลาอันรวดเร็ว ทั้งทีกำหนดรับพระ 1 ธค. 59 แต่ก็ไม่เป็นปัญหาแต่ออย่างใด เพราะรุ่นนี้มี
กำหนดปลุกเสกเดี่ยวอย่างเข้มขลังถึง 3 วาระ
- เริ่มวาระ1 วันที่ 6-8-59
-ปลุกเสกวาระ2 ในวันที่ 18-9-59
-ปลุกเสกวาระ3 วันที่ 8-10-59 นี้ที่ วัดบ้านหนองจิก
ทั้งสามวาระ จะปลุกเสกเดี่ยว โดยหลวงปู่แสน
เป้าหมายแนวทางการสร้างเหรียญรุ่นนี้ เพื่อให้คนที่ศรัทธา. ในตัวหลวงปู่แสนนั้นได้มีวัตถุมงคลของท่านเป็นเครื่องยึดเหนียวจิตใจ.
ติดตามได้ที่ กลุ่ม เฟสบุ๊ค
#กลุ่มพระเครื่องแสนนิยมสร้างโดยวิทย์เมืองตาก
(โทร 082-723-8888 คุณวิทย์เมืองตาก)
(โทร 082-327-8888. คุณวิทย์เมืองตาก)
ประวัติย่อ หลวงปู่แสน ปสนฺโน วัดบ้านหนองจิก จ.ศรีสะเกษ เกจิดังแห่งอิสานใต้ อายุ109ปี
ชื่อเดิม ปู่แสน คุ้มครอง เกิดขึ้น 15 ค่ำเดือน 10 ปีวอก ตรงกับ วันพฤหัสบดีที่ 10 กันยายน 2451 เป็นบุตรของพ่อเอี้ยง คุ้มครอง และ แม่ผัน คุ้มครอง มี่พี่น้องต่างมารดาร่วม 6 คน หลวงปู่เป็นบุตรคนที่ 3 (ปัจจุบันเหลือหลวงปู่ผู้เดียว) พื้นเพเป็นคนบ้างโพง ต.ไพรบึง อ.ขุขันธ์ จ.ขุขันธ์ (ปัจจุบัน ต.ไพรบึง อ.ไพรบึง จ.ศรีษะเกษ)
เมื่อครั่นยังเด็กหลวงปู่เป็นลูกสิษย์อยู่ที่วัดบ้านโพรงและพี่ชายซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านโพงในสมัยนั้นเลี้ยงดู จนได้บวชเณรที่วัดบ้านโพรง ระหว่างบวชเณรได้ไปศึกษาเรียนหนังสือกับหลวงพ่อมุมวัดปราสาทเยอใต้ จนจบ ป.4 และได้เรียนตำราพระเวชจากหลวงพ่อมุมทั้งภาษาขอม ภาษาธรรมบาลี จนกระทั่งอายุ 21 ปีได้เข้าอุปสมบท ระหว่างเป็นพระก็ยังคงเรียนรู้วิชากับพระอาจารย์มุมอย่างต่อเนื่อง จนกระทั้งอายุ 24 ปี ได้ลาสิขาบทออกมาเพื่อมาช่วยงานทางบ้านที่มีฐานะยากจน หลังจากสึกได้บวชเป็นหมอธรรมขณะที่เป็นคาราวาส ระหว่างว่างเว้นจากการทำเกษตรกรรม หลวงปู่ได้ชักชวนเพื่อนๆหมอธรรมเดินทางไปเขมรเพื่อเรียนเพิ่มเติมที่จังหวัดพระตะบอง เสียมราฐ และเมืองศรีโสภณ สมัยจอมพล ป.พิบูลสงคารมเป็นนายก ได้เข้าพบพระผู้ใหญ่และอาจารย์จากทางเขมรแล้วได้ร่ำเรียนมาไม่น้อย หลวงปู่ท่านกลับเลือกเรียนวิชาที่เกี่ยวกับช่วยเหลือผู้คน รักษาคน ต่อมาพอหมดภาระทางบ้านหลวงปู่ได้กลับเข้าใต้ร่มกาสาวพัสตร์อีกครั้ง ก็ได้ธุดงค์ในเทือกเขาพนมดงรัก เป็นนิจ และเป็นพระที่อยู่อย่างสมาถะ ไม่มักมาก ไม่ยึดติด เป็นพระนักสร้าง ชาวบ้านกุดเสล่าจึงรักและศรัทธาท่านมาก เนื่องจากหลวงปู่ท่านเป็นพระที่มีเมตตาแม้อายุจะย่างเข้า 93 ปีท่านได้ไปจำพรราที่วัดบ้านโพงโดยรักษาการตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดในช่วงนั้น วัดนั้นก็จะเต็มไปด้วยลูกวัด ในขณะที่จำพรรษาอยู่วัดบ้านโพงก็ได้ทำนุบำรุงวัดเชกเช่นวัดอื่น จนอายุ 97 ปี ลูกหลานเป็นห่วงสุขภาพหลวงปู่จึงได้พาชาวบ้านไปนิมนต์หลวงปู่จากวัด
บ้านโพงกลับมาจำพรรษาที่วัดหนองจิกจนถึงทุกวันนี้
เนื่องด้วยวัตถุมงคลของท่านมีประสบการณ์แคล้วคลาดปลอดภัย ตำรวจ ทหารชายแดนเข้ากราบมากมาย เพราะใช้แล้วมีประสบการณ์แคล้วคลาด รอดชีวิต หลายต่อหลายครั้ง ผู้นำไปใช้ก็มีโชคลาภมากมาย จึงทำให้ท่านมีชื่อเสียงภายในเวลาอันรวดเร็ว และมีชื่อเสียงอันดับต้นๆของเกจิ เมืองไทย |