(N)
"หลวงพ่อยอด" วัดตะคร้อ พระครูพิพิธธรรมวิภัช (ยอด โกสโล) รองเจ้าคณะอำเภอโนนไทยรูปที่ ๑ เจ้าอาวาสวัดตะคร้อ เกิดเมื่อวันที่ ๙ เมษายน ๒๔๙๓ ปีขาน ณ บ้านเลขที่ ๕๙ หมู่ ๕ ต.ด่านจาก อ.โนนไทย จ.นรคราชสีมา เป็นบุตรของนายโปย นางปิ เกิดสันเทียะ มีพี่น้อง ๑๑ คน ซึ่งทานเป็นบุตรคนที่ ๓ เมื่ออายุย่าง ๒๓ ปี จึงได้อุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดตะคร้อ เมื่อวันที่ ๔ มีนาคม ๒๕๑๖
โดยมี พระครูบุญเขตบริหาร (หลวงปู่เลื่อน) วัดสายออ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์สว่าง วัดสายออ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระพิศ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า "โกสโล" หมายถึง ผู้ฉลาด หลังจากอุปสมบทท่านได้ย้ายไปจำพรรษาอยู่ที่วัดระงม โคกสูง
จนปี พ.ศ. ๒๕๑๙ ชาวบ้านตะคร้อได้เดินทางไปนิมนต์หลวงพ่อยอดจากวัดระงม ให้มาเป็นเจ้าอาวาสวัดตะคร้อ แต่ต้องไปนิมนต์ท่านถึง ๒ ครั้ง ๒ คราว ท่านถึงยอมมาเป็นเจ้าอาวาสวัดตะคร้อ และปีต่อมา พ.ศ. ๒๕๒๐ ได้รับการแต่งตั้งขึ้นเป็นเจ้าอาวาสวัดตะคร้อ ในพรรษาที่ ๕ พรรษา พ.ศ. ๒๕๒๔ ได้รับการแต่งตั้งเป็น เจ้าคณะตำบลด่านจาก อ.โนนไทย พ.ศ. ๒๕๓๕ ได้รับการแต่งตั้งเป็น พระครูพิพิธธรรมวิภ้ช พ.ศ. ๒๕๓๘ ได้รับการแต่งตั้งเป็น พระอุปัชฌาย์ พ.ศ. ๒๕๕๐ ได้รับการแต่งตั้งเป็น รองเจ้านณะอำเถอโนนไทย
หลังจากท่านได้มาอยู่ที่วัดตะคร้อ ท่านได้สร้างถาวรวัตถุ และพัฒนาวัด ชุมชน หมู่บ้านอย่างต่อเนื่อง จนถึงปัจจุบัน หลวงพ่อยอดมีความสนใจในด้านการเขียนเลขยันต์ การผูกยันต์ การจารอักขระขอม ท่านจึงได้ไปศึกษาจาก ลุงเหรียญ ซึ่งเป็นครูเพลงโคราชแต่ก่อน จนอ่านออกเขียนได้ และเข้าใจการว่างเลขยันต์ แล้วจึงได้กลับมาศึกษาตำราค้นคว้าและรองทำตามตำราของวัตะคร้อจนชำนาญ
จึงกล่าวได้ว่าท่านไม่เคยฝากตัวเป็นศิษย์ของพระเกจิองค์ใด แต่ท่านมีความเคารพและศรัทธา ในตัวหลวงพ่อพรหมสร (รอด) และหลวงพ่อปลัดรุย เป็นอย่างมาก หลวงพ่อยอดท่านเคยกล่าวไว้ว่า หลวงพ่อทั้ง ๒ องค์นี้นะท่านเก่งมากๆ และท่านก็เคยไปมาหาสู่หลวงพ่อปลัดรุย อยู่บ่อยครั้ง เพราะวัดไม่ไกลกันมาก เวลาหลวงพ่อปลัดรุยจะเข้าไปทำธุระในเมืองโคราช ท่านก็ต้องเดินไปขึ้นรถทีด่านจากโดยรัดไปทางวัดตะคร้อ และหยุดพักเหนื่อที่วัดตะคร้อทุกครั้งไป
หลวงพ่อยอด ท่านเป็นพระที่สมถะ ไม่ว่าคนที่มาหาท่านจะยากดีมีจน ท่านต้อนรับหมด มีเรื่องให้ท่านช่วยท่านก็ช่วยตามกำลังของท่าน แต่คนประเภทเดียวที่ท่านจะไม่เสวนาด้วยคือคนเมา เพราะท่านพูดไว้ว่าคนเมานะมันไม่มีสติ ทำอะไรไม่ค่อยคิด พูดก็ไม่คิด พูดไปก็เท่านั้น
หลวงพ่อยอดไม่เคยอนุญาตให้ศิษยานุศิษย์ หรือคนในบ้านตะคร้อจัดงานวันคล้ายวันเกิดของท่าน แม้สักปี ท่านให้เหตุผลว่า "วันเกิดกูรู้ตั้งแต่เกิดแล้ว กูยังไม่รู้วันตายเท่านั้นแหละ ค่อยจัดที่เดียว"
"หลวงพ่อไม่กลัวตาย" เรื่องมีอยู่ว่า ตอนที่ท่านมาเป็นเจ้าอาวาสวัดตะคร้อใหม่ๆ ในสมัยนั้นไม่มีการห้ามให้เอาของมึนเมามากินในวัด ทำให้ผู้มีอิทธิพลของบ้านตะคร้อสมัยนั้น (ไม่ขอเอ่ยนามนะครับ) ได้ทำน้ำตาลเมา สาโท ไว้ที่วัดเป็นไห ๆ เอาไว้เลี้ยงชาวบ้าน พอหลวงพ่อมารับตำแหน่งท่านเกิดความไม่พอใจในสิ่งนี้ ท่านเลยให้ผู้มีอิทธิพลคนดังกล่าวเอาของพวกนี้ออกไปจากวัด สร้างความไม่พอใจแก่ผู้มีอิทธิพล ถึงกับเอ่ยออกมาว่า "ยอด เอาใหญ่แล้วนะ" แต่หลวงพ่อยอดไม่เกรงกลัวอิทธิพลของพวกนั้น ท่านเลยไปปรึกษา หาลือเรื่องนี้กับ พระครูอุทัยคณานุยุต (หลวงพ่อห้อย) เจ้าคณะเอาเภอโนนไทยในสมัยนั้น คำตอบของหลวงพ่อห้อยพูดมาคำสั้น ๆ ว่า "แล้วท่านกลัวตายมั้ยล่ะ กลัวความเดือดร้อนมั้ยล่ะ" หลวงพ่อยอดตอบว่า "ผมไม่กลัวหรอกครับ" หลวงพ่อห้อยท่านเลยบอกว่า "ดีผมชอบพระอย่างนี้ เอาเลยผมสนับสนุนเต็มที่"
พอได้ยินคำนี้จากหลวงพ่อห้อย หลวงพ่อยอดกลับมาที่วัดตะคร้อ หยิบค้อนไล่ตีไหน้ำตาลเมา สาโท จนแตกหมด ข่าวเข้าหูผู้มีอิทธิพลคนดังกล่าว รีบมาดูแล้วต่อว่าหลวงพ่อไปต่าง ๆ นา ๆ แล้วบอกว่าท่านระวังตัวให้ดีเถอะ หลวงพ่อยอดท่านก็เลยพูดขึ้นว่า "ถ้าจะมาทำอะไรกู ให้มาหากูที่หน้าโบสถ์ ไม่ต้องไปหากูที่ศาลาดอก เลือดจะเปื้อนศาลาเปล่า ๆ กูจะปักกลดอยู่ 3 วัน มาเลย" (สมัยนั้นหน้าโบทส์วัดตะคร้อมีต้นไม้หนาแน่นพอสมควร) ปรากฏว่าไม่มีอะไรมาทำร้ายท่านเลย มีแต่เสียงต้นไม้สีกันเท่านั้นเอง "ในบ้านมึงใหญ่กูไม่ว่ามันเรื่องของมึง แต่ในวัดกูใหญ่ อย่ามาใหญ่เกินกู" จากคำพูดของหลวงพ่อยอด
ด้านความสัมพันธ์ระหว่างหลวงพ่อจอย วัดโนนไทยกับหลวงพ่อยอด วัดตะคร้อนั้นเปรียบเสมือนสหมิกธรรมกัน ทั้งสองท่านมิใช่ศิษย์แลอาจารย์ซึ่งกันและกัน และไม่ใช่ศิษย์ร่วมอาจารย์องค์เดียวกัน แต่มีความนับถือซึ่งกันและกันเพราะท่านเป็นพระระดับปกครองเช่นเดียวกัน โดยหลวงพ่อจอยท่านมีอาวุโสมากกว่าหลวงพ่อยอดประมาณ ๑ รอบเห็นจะได้ จึงขอยกเรื่องความสัมพันธ์ของทั้ง ๒ ท่านมาเล่าให้ฟังบางประการ ดังนี้
ย้อนไปเมื่อ พ.ศ.๒๕๓๓-๒๕๓๔ วัดตะคร้อได้จัดงานฝังลูกนิมิตรขึ้น และในปีเดียวกันวัดโนนไทย ก็ได้สร้างกุฏิสงฆ์ขึ้นเช่นเดียวกัน เป็นที่ว่าคณะกรรมการวัดตะคร้อ ในสมัยนั้นเห็นสมควรที่จะสร้างวัตถุมงคลขึ้นมาเพื่อแจกจ่ายเป็นของที่ระฤก แก่ผู้ที่มาร่วมในงานฝังลูกนิมิตรวัดตะคร้อ จึงได้ปรึกษาหลวงพ่อยอดว่าจะขอทำเหรียญรูปเหมือนของท่านขึ้นมาเพื่อแจกในงาน แต่หลวงพ่อยอดท่านพูดไว้ว่า "ฉันยังพรรษาน้อยอยู่ไม่เหมาะสมที่จะสร้างเหรียญดอกอายชาวบ้านเค้า ไปขอหลวงพ่อจอยท่านไป ท่านเก่งอยู่เหมือนกันนะ" กรรมการก็ไปขอหลวงพ่อจอยท่านสร้างตามคำแนะนำของหลวงพ่อยอด แต่ไม่เป็นผลสำเร็จเพราะหลวงพ่อจอยท่านไม่อนุญาต เลยนำเรื่องมาปรึกษาหลวงพ่อยอด ท่านเลยพูดขึ้นว่า "ไปขอไม่เป็นล่ะสิ เดี๋ยวฉันไปขอเอง" เวลาผ่านไปหลายวัน มีเหตุให้หลวงพ่อจอย กับหลวงพ่อยอดได้เจอกันระหว่างเดินทาง ไปทางปากช่อง พอสบโอกาสหลวงพ่อยอดท่านก็เลยเอ่ยขึ้นว่า "หลวงพ่อผมจะขอสร้างเหรียญรูปเหมือนของหลวงพ่อนะ หลวงพ่ออนุญาตมั้ย" หลวงพ่อจอยท่านเลยพูดขึ้นว่า " ผมเสกไม่เป็นหรอกครับ แล้วก็ไม่รู้ว่ามันจะขลังรึปล่าว" หลวงพ่อยอดท่านเลยพูดว่า "ขลังไม่ขลังไม่รู้ รู้แต่ว่าวันนี้ท่านมีเวลาเสกเต็มที่เสกได้ทุกวัน แต่พอวันหน้าเวลาน้อยลง เสกก็น้อยลงทุกวัน มันจะไปขลังได้ยังไงจิตยังไม่ทันนิ่งเลยหมดเวลาเสียแล้ว และหลวงพ่อก็กำลังสร้างกุฏิด้วย หลวงพ่อไม่คิดที่จะเอาอะไรเป็นของที่ระฤก แก่คนที่มาทำบุญเลยนิ ผมว่าเวลานี้แหละเหมาะสมแล้วที่จะสร้าง หลวงพ่ออนุญาตผมเถิดนะ" หลวงพ่อจอยท่านเลยว่า "เอาถ้าท่านเห็นชอบผมก็อนุญาต" หลวงพ่อยอดท่านเลยกล่าวต่ออีกว่า "แต่ผมไม่มีเงินไปสร้างดอกหน่า หลวงพ่อออกทุนให้ผมก่อนเด้อแล้วเสร็จงานแล้วผมจะให่ แล้วยันต์หลังเหรียญล่ะหลวงพ่อจะเอายันต์อะไรดีล่ะ" หลวงพ่อจอยตอบ "ผมไม่มียันต์อะไรหรอก แต่ตอนที่ผมไปอยู่กับหลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร ผมฝันว่ามีเจ้าที่มาบอกว่า "จำคาถานี้ไว้ให้ดีนะเอาไว้เสกของได้ขลังดีนักจำให้ดีๆ นะ อุด โม อัด นะ ปัด โม ปิด" ท่านเขียนเป็นภาษาขอมได้มั้ยล่ะหลวงพ่อยอดท่านเลยพูดขึ้นว่า "โอ้ย...มันจะไปยากอะไร เดี๋ยวผมจัดการให้ครับ" พอหลวงพ่อยอดท่านกับมาที่วัดตะคร้อก็ได้เขียนยันต์ตามที่หลวงพ่อจอยท่านบอกมา ท่านเห็นว่า พื้นที่หลังเหรียญมันว่างเกินไปน่าจะเอายันต์มาใส่อีกซักตัวคงจะดี พอดีท่านเลยคิดถึงหลวงพ่อพรหมสร(รอด) ขึ้นได้ เพราะท่านก็นับถือหลวงพ่อพรหมสร(รอด) อยู่แล้วเลยเอายันต์หลังเหรียญของหลวงพ่อพรหมสร(รอด) มาวางตรงกลางเหรียญแล้วล้อมรอบด้วยยันต์ที่หลวงพ่อจอยบอกมา จำนวนการสร้างท่านตั้งใจว่าจะเอาประมาณ ๒๐,๐๐๐ เหรียญ เป็นเนื้อทองแดงอย่างเดียว แต่พอปั้มจริงๆ ได้แค่ ๑๙,๗๐๐ เหรียญ แล้วท่านก็นำมาให้หลวงพ่อจอยเสก ๑ พรรษา แล้วหลวงพ่อยอดท่านก็นำไปเสกซ้ำอีกทีพร้อมสมเด็จรุ่นแรกวัดตะคร้อที่หลวงพ่อยอดท่านสร้างในปีเดียวกันอีกหนึ่งรอบ พอฝังลูกนิมิตรเสร็จเหรียญหลวงพ่อจอยยังเหลืออีกประมาณ ๙,๐๐๐ กว่าเหรียญเห็นจะได้ หลวงพ่อยอดท่านเลยเอามามอบให้หลวงพ่อจอย เพื่อให้เป็นที่ระฤกแก่ผู้ที่มาร่วมทำบุญสร้างกุฏิสงฆ์ วัดโนนไทย และหลวงพ่อจอยท่านก็นำมาเสกต่ออีก ๒ พรรษา จนประคำที่ใช้บริกรรมคาถาถึงขนาดแตกออกจากกันตั้งหลายเม็ดท่ามกลางสายตาพระ เณร ที่อยู่ในพระอุโบสถ เลยเป็นที่ของเหรียญรุ่นแรกหลวงพ่อจอยว่า "เหรียญประคำแตก" โดยออกบูชาเหรียญละ ๕๐ บาท ในสมัยนั้น และได้มีการตอกโค๊ตตัว นะ ไว้ด้านขวามือของเหรียญทุกเหรียญ และมีรอยจารอักขระขอมไว้ด้วย พร้อมกล่อง
หลวงพ่อยอดท่านไม่นิยมสร้างวัตถุมงคลหรือสิ่งของที่แทนตัวท่าน ที่เห็นกันอยู่ทุกวันนี้ก็เนื่องมาจากลูกศิษย์ลูกหา ขออนุญาตสร้างกันเองทั้งนั้น แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ท่านจะยอมอนุญาตให้สร้าง เท่าที่รู้มาคงจะมีแต่พระสมเด็จเนื้อผงที่สร้างขึ้นเมื่อครั้งฝังลูกนิมิตร วัดตะคร้อ เมื่อพ.ศ.๒๕๓๔ เท่านั้นที่ท่านสร้างเอง ผสมมวลสารเอง กดพิมพ์เอง แล้วก็เสกเดี่ยวของท่านเอง และนอกจากพระสมเด็จแล้ว ยังมีรูปถ่ายขาวดำ ขนาด ๓x๔ นิ้ว ประมาณ ๑ โหล เป็นรูปถ่ายสมัยท่านยังหนุ่ม ท่านนำมาจารยันต์ นะกันปืน ไว้ด้านหลังภาพทุกใบ แล้วได้แจกให้แกคนที่นับถือท่าน
หนึ่งในผู้ที่ได้รับรูปถ่ายรุ่นนี้ก็คือ หลวงพ่อเพชร วัดตะคร้อเก่า สมัยท่านยังไม่ได้บวช ท่านก็ได้รับแจกรูปถ่ายรุ่นนี้ แล้วเกิดประสบการณ์ คือ ท่านไปเลี้ยงวัวนมที่ดงปากช่อง แล้วเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด คือมีคนมารอบยิงท่าน แต่ยิงยังไงก็ยิงไม่ออก จนหลวงพ่อเพชรท่านตั้งสติได้หาอาวุธไล่ตามมันไป แต่ตามมันไม่ทัน ในตอนนั้นท่านก็งงว่าทำไมปืนของมันถึงยิงไม่ออก ท่านจึงนึกได้ว่าอาจจะเป็นเพราะรูปของหลวงพ่อยอดติดกระเป๋ามาด้วย จึงทำให้ปืนของมันยิงไม่ออก ท่านจึงนับถือหลวงพ่อยอด และได้กลับมาบวชกับหลวงพ่อยอด หลวงพ่อทั้งสองท่านรัก และเคารพซึ้งกันและกันมาก จนถึงปัจจุบันนี้ (หลวงพ่อเพชรท่าน มีอายุมากกว่าหลวงพ่อยอด แต่หลวงพ่อยอดมีพรรษามากกว่าหลวงพ่อเพชรครับ)
ส่วนเหรียญรุ่นแรกนั้นมีเจ้าของร้าน จิวเวลรี่ในตัวเมืองโคราชมาขอท่านสร้าง ท่านเคยเล่าให้ผมฟังว่า "ทีแรกไอ้คนที่สร้างเหรียญรุ่นแรกของกูนะ มันมาขอกูสร้างตั้งแต่กู อายุ 57-58 ได้ดอกว่ะ แต่กูไม่อนุญาต กูบอกวันว่าไม่ต้องมาสร้างเหรียญฉันดอก สร้างไปก็ขายไม่ได้ ไปสร้างหลวงพ่อคูณ หลวงพ่อจอย ไปจะได้ขายได้ แต่มันกูไม่ยอม กูเลยบอกปัดๆ ไปว่าหลวงพ่อนวล วัดบึงท่านพูดเอาไว้ว่า "ถ้าอายุยังไม่ถึง ๖๐ อย่าด่วนสร้างพระเดี๋ยวก็ไปเป็นลูกเขยเค้า อายเค้าเปล่า" กูเลยบอกว่าถ้าฉันอายุ ๖๐ แล้วโยมจะสร้างก็มาสร้าง แต่ตอนนี้ยังดอก" แล้วท่านก็เล่าต่อว่า "ทีไหนได้ล่ะพอกูอายุครบ ๖๐ ย่าง ๖๑ ในปี พ.ศ.๒๕๕๒ มันมาขอสร้างจริงๆ ทำไงล่ะกูพูดไปแล้วก็ต้องให้มันสร้างสิเค้านิ กูนึกว่ามันลืมไปแล้ว" จากคำบอกเล่าของ หลวงพ่อยอด วัดตะคร้อ โนนไทย ส่วนล็อกเก็ตรุ่นแรก "มหามงคล ๕๕" นั้นทางศิษย์บ้านโนนไทย สร้างถวายหลวงพ่อในปี พ.ศ.๒๕๕๕ เป็นล็อกเก็ตที่สร้างน้อยมาก (ปัจจุบันไม่ค่อยพบเจอแล้ว) |