หลวงพ่อทองดี อรุโณ
อริยสงฆ์แห่งเขาคันทรง ชลบุรี
โดย คณะศิษย์หลวงพ่อทองดี
หลวงพ่อทองดี อรุโณ ท่านเป็นพระดีแห่งบ้านเขาคันทรง มีดีที่ตัว ดีทั้งนอก และใน ดีนอกนั้นไซร้ท่านเป็นพระที่มีศีลาจารวัตรงดงาม อากัปกริยาเรียบร้อยดีงาม ดี สมงามดังชื่อ ถือเป็นพระแท้ที่ครองใจพุทธศาสนิกชนได้โดยแท้จริง
ส่วนดีใน หาใช่อื่นไกล คือ ห้วงดวงจิตของหลวงพ่อ เป็นที่รู้ในหมู่มวลศิษยานุศิษย์ที่รับใช้ใกล้ชิดว่าจิตท่านทรง ดำรงมั่น ดั่งเขาคันทรงที่เที่ยงตรงคงเส้นคงวาด้วยเป็นพระเถระที่หนักด้านเมตตา ที่ผู้คนเลื่อมใสศรัทธาหาได้เสื่อมถอยหรือลดน้อยด้วยความดีที่ทำกับการกระทำเฉกพระเถระที่กราบไหว้ได้สนิทใจ
ผู้เขียนดุจดังมีดทื่อสนิมเขรอะกรังในฝัก ครั้นท่านทักเป็นคราแรกพบเจอด้วยสีหน้าแววตา และรอยยิ้มทักทายปราศรัยหาได้หยิ่งถือตัว ท่านเมตตากรุณาดั่งลูกหลาน ที่บากหน้าหนีร้อนมาพึ่งเย็น ดับทุกข์เข็ญชาวเขาคันทรงเรื่อยมาเสมอต้นเสมอปลาย จึงกล่าวได้ว่าหลวงพ่อทองดีเป็นพระดีที่เปี่ยมด้วยความเมตตาและกรุณา มีดีนอกและดีในที่ใครชิดใกล้จะไม่มีเบื่อในเนื้อธรรมที่ท่านพร่ำสอนสั่งเพื่อชาวเขาคันทรง ศรีราชา ชลบุรี
สืบประวัติคัดมาย่อๆ หลวงพ่อทองดี อรุโณ เป็นพระเกจิที่มีชื่อเสียงดังเงียบแบบไม่เงียบกริบ จัดเป็นดีของคณะสงฆ์เมืองชลบุรีรูปหนึ่งที่เก่ง ด้านเมตตามหานิยม และเชี่ยวชาญด้านมหาอุด เพราะเป็นศิษย์หลวงปู่คงวัดวังสรรพรส กับหลวงพ่อผิววัดสง่างาม ปราจีนบุรี ทำให้ท่านเป็นที่รู้จักของคนวงในสายพระเครื่องภาคเมืองตะวันออกที่เอ่ยบอกชื่อ หลวงพ่อดี หลวงพ่อทองดี ชื่อนี้การันตีได้ วัตถุมงคลออกมาแต่ละรุ่นบอกได้คำเดียวว่าเกลี้ยง
ก่อนอื่นมารู้จักกับท่านแบบสบายๆ ท่านเป็นพระมีเส้นมีสายธรรมทำให้มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย หลวงปู่คงกับหลวงพ่อผิวละสังขาร ลูกศิษย์จะไปฝากผีฝากไข้กับใคร หากมิใช่หลวงพ่อดี
หลวงพ่อดีมียศเป็นพระครูสัญญาบัตรในราชทินนามที่ พระครูสุวรรณศีลพิสุทธิ์ ซึ่งสื่อความหมายว่าเป็นพระที่มีศีลบริสุทธิ์ดุจดังทองคำ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดสุรศักดิ์ บ้านเขาคันทรง อายุ 83 ปี 41 พรรษา ใครจะไปมาหาสู่หรือเข้ากราบสักการะก็ไปได้ทุกวัน เส้นทางศรีราชาไปแกลง ระยอง ถึงสี่แยกเขาคันทรงเส้นทางตัดผ่าน 5754 บริเวณตลาดเขาคันทรง เข้าเส้น 38031 ตรงไปประมาณ 500 เมตรซ้ายมือก็ถึงพอดี
วัดสุรศักดิ์อายุการสร้างไม่นานมากนัก สร้างมาราวปี 2511-12 โดยมีพระครูสังฆรักษ์จวน ฐิตธัมโม เป็นเจ้าอาวาสรูปแรก ส่วนหลวงพ่อทองดีเป็นรูปที่ 2 อย่างไรก็ตาม สำหรับชื่อวัดสุรศักดิ์นั้น เดิมทีชาวบ้านสร้างวัดนี้ขึ้นเพื่อรำลึกถึงเจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี ที่เคยมาสร้างทางรถไฟตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 นำความเจริญรุ่งเรืองมาให้ชาวบ้านในยุคนั้น เมื่อครั้นไปขอชื่อวัด ทางการ (กรมการศาสนา กระทรวงศึกษาธิการ ในขณะนั้น) ได้ตัดคำว่ามนตรีออก เพราะจะไปพ้องกับเจ้าพระยาฯ
วัดแห่งนี้สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย เขตปกครองคณะสงฆ์ภาค 13 ซึ่งมีพระพรหมกวี เจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตร กทม. เป็นเจ้าคณะภาค อาณาบริเวณวัดมีเนื้อที่ราว 26 ไร่ ภายในวัดสะอาดสะอ้าน รื่นรมย์ไปด้วยมวลแมกไม้ยางนาที่ลำต้นสูงสง่าแผ่กิ่งก้านสาขาออกไปรอบๆทั่วทุกทิศของบริเวณวัด เป็นที่คลายร้อนของประชาชน เป็นที่หลบฝนพักหลับนอนของมวลปักษาและสรรพสัตว์ที่มีปีกขนได้ยลอาศัย ภายในวัดจึงดูมืดครึ้มด้วยใบยางนาปกแผ่กั้นแดดบังฝน เหมาะยิ่งนักสำหรับพระผู้แสวงหาสัจธรรม ภายใต้ต้นยางนาที่ร่มรื่นเป็นผืนป่าในอาณาบริเวณวัดที่ดูสะอาดดา ล้วนเกิดแต่ความวิริยะอุตสาหะของหลวงพ่อ และพระภิกษุสามเณรในวัดช่วยกันปัดกวาดดูแลอย่างสม่ำเสมอ หรือแม้แต่บริเวณศาลาการเปรียญซึ่งประดิษฐานพระพุทธรูปปางลีลา แม้นว่าอากาศจะร้อนระอุ หญ้าทั่วอาณาบริเวณกลับเขียวชอุ่มชุ่มชื่นใจ เพียงใครได้ไปวัดแห่งนี้สักครั้งรับลมเย็นบริเวณฝายกั้นน้ำท่าของวัดที่อัดแน่นด้วยฝูงมัจฉายามที่ทอดสายตาความสุขสงบก็จะเกิดขึ้นได้ เฉกกับบริเวณใต้ต้นยางนา
สำหรับหลวงปู่ดีหรือจะเรียกหลวงพ่อทองดีก็ใช่เพราะท่านนั้นอายุมากถึง 84 ปี พอวันที่ 12 มิถุนายน 2560 นี้ก็จะพอดีจาก 83 ย่างเข้า 84 ปี คาดว่าชื่อเสียงหลวงพ่อทองดีนั้นการันตีได้ เพราะแค่ลำพังศาลาการเปรียญซึ่งใช้สำหรับประกอบพิธีกรรมทางศาสนาก็ล้นหลามไม่มีที่จะนั่ง เต็มทั่วศาลาทะลุกออกนอกศาลา ท่านบอกกับผู้เขียนเป็นนัยว่าๆ 3-4 พันคนโยม
กระผมก็อดกลั้นไม่ไหวจึงแทรกถามไปว่าน่าจะสร้างศาลาการเปรียญหลังใหม่หรือไม่ก็ขยายให้ใหญ่กว่าเดิม หลวงพ่อดีก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ต้องพุ่งเป้าไปที่การบูรณะปฏิสังขรณ์อุโบสถหลังเก่าเสียก่อน เพราะโบสถ์หลังนี้เก่าแล้วชำรุดแล้ว ครั้นเมื่อเหลือบสายตาไปที่โบสถ์ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากกุฏิที่หลวงพ่อจำวัดไม่มากนัก ก็รู้ได้ว่าต้องบูรณะครั้งใหญ่ ซึ่งจริงๆแล้วโบสถ์หลังนี้วางศิลาฤกษ์ตั้งแต่สมัยเจ้าอาวาสรูปแรก ซึ่งก็คือ หลวงพ่อจวน ซึ่งเป็นพระอาจารย์ของหลวงพ่อทองดี แต่ก็ไม่สามารถขอวิสุงคามสีมาได้ เพราะไปติดขัดกับเจ้าของที่ดินเก่า ทำให้คาราคาซังทำให้ไม่สามารถขอวิสุงคามสีมาได้
ช่วงนั้นพ.ศ. 2517 เดิมทีหลวงพ่อกะบวช 15 วัน บวชแก้บนอยู่ที่วัดไพรสณฑ์แดง โดยมีพระครูสิริพัฒนโสภณ (หลวงพ่อผิว) วัดสง่างาม เจ้าคณะอำเภอเมืองปราจีนบุรี เป็นพระอุปัชฌาย์ พอบวชแล้วก็ไปฝากตัวเป็นลูกศิษย์หลวงปู่เริ่ม วัดจุกเฌอ ประมาณ 6 เดือนเพื่อจะขอเรียนวิชา ระหว่างนั้นก็เรียนนักธรรมตรีสอบได้ในปีแรก ปีที่ 2 สอบได้นักธรรมโท อีก 2 ปีต่อมาก็สอบได้นักธรรมชั้นเอก แล้วก็เป็นครูสอนนักธรรมไปในตัว เพื่อให้เข้าถึงวิชา หลวงพ่อทองดีได้ขอเรียนวิชากับหลวงปู่คง วัดวังสรรพรส กับหลวงพ่อผิว วัดสง่างามซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์
เมื่อถามถึงวิชาอาคมที่ได้เล่าเรียนมาจาก 2 ครูบาอาจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในยุคเก่า หลวงพ่อก็ออมวิชาอมภูมิรู้ว่ารู้ไม่มาก เรียนมาน้อย ทว่าสายตาเจ้ากรรมของนักเขียนเหลือบไปเห็นอักขระเลขยันต์ที่หลวงพ่อจารด้วยปากกาถึงรู้ว่าหลวงพ่อดีมีดีปิดไว้มิดแต่ก็ไม่มิดเพราะมีลูกศิษย์จำนวนมากแห่กันไปกราบสักการะและนิมนต์ท่านเจิมรถ ดูดวงตรวจเช็คชะตา เจิมบ้านทำบุญขึ้นบ้านใหม่ โดยเฉพาะพ่อค้าแม่ค้าในตลาดเขาคันทรง เอารถมาให้เจิมกันเป็นว่าเล่น เพราะชื่อของท่านคือ หลวงพ่อดี ดีตลอด อยู่รอดปลอดภัย อันตรายไม่มี ไพรีรักใคร่ เป็นเสน่ห์เมตตามหานิยม
ใช่เท่านี้หลวงพ่อดียังมีดีอวดท่านเก่งเรื่องลงนะหน้าทอง ก่อนจะลงทองให้กับลูกศิษย์ลูกหาท่านจะเพ่งกระแสจิตจารคาถาลงในแผ่นทองแล้วก็เสกบริกรรมคาถาลงทองเป่ากระหม่อมให้กับลูกศิษย์ ด้วยความเชื่อที่ว่าเป็นเสน่ห์เมตตามหานิยม หลวงปู่ทองดีหรือหลวงพ่อทองดีช่างเป็นพระที่หนักเมตตาเพราะสืบเชื้อวิชามหานิยมจากหลวงพ่อผิวพระอุปัชฌาย์มานั่นเอง
ย้อนไปก่อนที่จะเป็นพระแบบบวชไม่สึกอยู่นี้ เดิมหลวงพ่อทองดีไม่ใช่คนชลบุรี แต่เป็นชาวศรีสะเกษเกิดเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2476 พอจบป.4 ก็ออกจากบ้านไปทำมาหากินที่กรุงเทพฯ ตั้งแต่อายุ 14 ปีหนีความจน ไปทำงานอยู่ที่บริษัทนกพิราบปลากระป๋องผักกาดดอง ตั้งแต่รุ่นๆ แล้วก็ใช้ชีวิตเป็นจับกังแบกข้าวสารที่คลองเตยได้ค่าแรงไม่เท่าไหร่เฉลี่ยเดือนละ 25 บาท ภายหลังย้ายมาเสาะหางานทำที่มาบลำบิด ศรีราชา ชลบุรี ท่านจึงถือบวชเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนาตั้งแต่ปี 2517 เป็นต้นมา หากจะว่าไปแล้วก่อนที่จะบวชนั้นชื่อเสียงหลวงปู่คงนั้นโด่งดังมาก ท่านก็ไปสักยันต์และฝากตัวเป็นลูกศิษย์ ถ้าจำไม่ผิดท่านสักเสือไว้ที่ไหล่ขวา ส่วนปลายข้อมือสักยันต์นะ กันคุณคน คุณไสย เป็นมหาอุด กันสารพัดร้อยแปด
หลวงพ่อเล่าว่าเอาไว้ป้องกันอันตราย ชูแขนเห็นรอยสักนี้ไปทางใต้ไม่ต้องกลัว เห็นยันต์ก็ไม่ทำร้ายกันเพราะครูเดียวกัน ทางใต้เคารพหลวงปู่คงมากแม้ปัจจุบันชื่อหลวงปู่คงยังคงเป็นหลวงปู่คง เช่นเดียวกับหลวงพ่อทองดีก็ยังเป็นหลวงพ่อทองดี
หลวงพ่อทองดีท่านมาย้ายมาอยู่วัดสุรศักดิ์เมื่อประมาณปี 2536 เหมือนกับเป็นมือขวาหลวงพ่อจวน พูดง่ายๆก็คือ พระรับใช้ใกล้ชิดนั่นเอง ภายหลังเมื่อหลวงพ่อจวน ซึ่งเป็นพระอาจารย์มรณภาพ ท่านได้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสเมื่อประมาณปี 2538 ถัดมาอีก 2 ปีหรือราวปี 39-40 ท่านก็ทำเรื่องขอวิสุงคามสีมาเมื่อแก้ปัญหาเรื่องที่ดินแล้วเสร็จ วัดสุรศักดิ์ ยกฐานะจากสำนักสงฆ์ขึ้นเป็นวัดราษฎร์สมบูรณ์นับเวลาไม่น้อยกว่า 47-48 ปี และนี่ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้โบสถ์ที่จวนจะแล้วเสร็จก็ไม่เสร็จ และชำรุดทรุดโทรมในเวลาต่อมา ปัจจุบันหลวงพ่อทองดีได้พักจำพรรษาอยู่ในกุฏิที่ญาตินายจ่าย ปิ่นทองคำ สร้างถวายเพื่ออุทิศกุศลให้แก่นายจ่ายซึ่งเสียชีวิตแล้ว และเคยมีข้อพิพาทเกี่ยวกับที่ดินเป็นเหตุที่ไม่สามารถยกฐานะขึ้นเป็นวัดได้ ซึ่งปรากฏที่เสาต้นหนึ่งว่า นายจ่าย ปิ่นทองคำ ชาตะ 2466 มรณะ 2545
ในด้านวัตถุมงคลหรือพระเครื่องนั้น หลวงพ่อทองดีไม่นิยมสร้างมากนัก เพราะมักเป็นผู้ให้ คือไปงานปลุกเสกเป็นเสียส่วนใหญ่ คงมีแต่ชาวบ้านเขาคันทรงที่รู้ว่าหลวงพ่แอทองดี ท่านมีของดี มักจะแวะเวียนไปขอกับท่านออกบ่อยครั้ง กิจนิมนต์ไม่เคยขาด กระนั้นก็ตาม เมื่อถูกลูกศิษย์รบเล้าเอาบ่อยๆ ท่านก็อั้นไม่อยู่ วัตถุมงคลรุ่นแรกออกเมื่อปี 2546 เมื่อคราวฉลองอุโบสถผูกพัทธสีมา เป็นเหรียญหยดน้ำ ด้านหน้าเป็นรูปเหมือนหลวงพ่อเต็มองค์ ฐานล่างเป็นไก่โต้ง ระบุว่าหลวงพ่อทองดี รุ่นแรกนี้ท่านสร้างทีเดียว 2 องค์ คือ 1.เหรียญหยดน้ำปี 46 กับพระผงนางพญา กรุวัดราชบูรณะ
เมื่อหยอดคำถามหลวงพ่อก็เล่าว่าที่สร้างเป็นรูปไก่เพราะหลวงพ่อเกิดปีไก่ เพราะแม้แต่หน้าประตูทางเข้าโบสถ์ก็มีรูปไก่ ใครไปเห็นรูปไก่อยู่ที่วัดนี้ก็อย่าได้กังขา หรือเกิดความสงสัยอะไรมากนัก บอกให้รู้ได้เลยว่าเพราะหลวงพ่อเกิดปีไก่ มิแปลกที่มีไก่ ส่วนพระนางพญากรุวัดราชบูรณะที่สร้างควบคู่กันปี 46 นั้นพูดได้เต็มปากจากคำบอกเล่าของศิษย์ว่าไม่ธรรมดาเลย ขลังทีเดียว เพราะองค์แท้ๆที่เป็นแบบแม่พิมพ์นั้นเป็นองค์ ขนาดใหญ่หลวงพ่อท่านได้มาแล้วก็หาทองมาปิดเนื้อองค์พระไว้ เพื่อกันโจรขโมย จะหยิบฉวยไปเป็นบาปเป็นกรรมเสียเปล่าๆ อย่างไรก็ตาม รุ่นแรกนี้สร้างมากถึง 20,000 องค์ หายวับไปจากวัดแทบไม่เหลือ ใครอยากได้ก็ต้องไปอ้อนขอหลวงพ่อดูสักตั้งเผื่อท่านจะเหลือทิ้งไว้เป็นที่ระลึก ต่อมารุ่น 2 ก็คลอดอีก 5,000 องค์เพราะสานุศิษย์ของท่านขึ้นเชื่อมั่นในพุทธคุณ ประกอบกับหลวงพ่อทองดีเป็นพระเถระที่เก่งวิชาแบบอมภูมิ อีกทั้งในสายลูกศิษย์หลวงปู่คงหลวงพ่อผิว
เมื่อรุ่นแรกรุ่นสองหมดจากวัด ก็มีรุ่นฉลองพัดที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นพระครูสุวรรณศีลพิสุทธิ์ ท่านสร้างพระสมเด็จฯไก่ และเหรียญหลังไก่ ราวอายุ 80 ปี รุ่นนี้ทำน้อยเพียง 1,000 - 2,000 องค์เท่านั้น ตอนนี้ที่วัดท่านมีพระสีวลีขนาดสูง 2 เมตร 50 เซนติเมตรซึ่งทำพิธีเททองหล่อเมื่อราววันที่ 14-15 พ.ค. 2559 นี้แหละ หลวงพ่อเคยคิดที่จะหล่อพระสีวลีมา 4-5 ปีแล้วแต่ก็ไม่มีโอกาส จนกระทั่งในวันดังกล่าว ความปรารถนาในใจของท่านก็บรรลุผล
และยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่เกี่ยวกับพระเกจิภาคตะวันออกที่ท่านเคยเสวนาด้วย หลวงปู่ทิม แห่งวัดระหารไร่ หลวงปู่อี๋ สัตหีบ เป็นต้น ต้องสอบถามพูดคุยท่านเองนะครับรับรองท่านใจดีมาก
ในเร็วๆนี้หลวงพ่อทองดีคิดจะบูรณปฏิสังขรณ์อุโบสถกับสร้างศาลาการเปรียญหลังใหม่ พร้อมๆกับการสร้างโรงเรียนพระปริยัติธรรมประสงค์กราบพระดีขอของดีลงยันต์สนทนาธรรมกับหลวงพ่อทองดี ตรงไปที่ วัดสุรศักดิ์ ต.เขาคันทรง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี |
|