(N)
พระขุนแผนพรายกุมาร เพชรกลับ
หลวงปู่พระอุปัชฌาย์ บาล สุวีโร
วัดบ้านโจค เกจิดังแห่งพนมรุ้ง
พระขุนแผนพรายกุมาร เพชรกลับ
มีเอกลักษณ์และลักษณะเฉพาะตัว
พิมพ์ทรงเป็นพระปางมารวิชัยกลับด้าน
หรือที่นิยมเรียกกันว่า ปางสะดุ้งกลับ หรือที่เรียกกันว่า พิมพ์เพชรกลับ
เป็นเคล็ดว่า ใครมีพระพิมพ์นี้มีอานุภาพกลับเรื่องร้ายกลายเป็นเรื่องดี
ถ้าดีอยู่แล้ว จะกลับหนุนให้ดียิ่งๆ ขึ้นไปอีก พลิกชีวิต เปลี่ยนชะตาจากหน้ามือเป็นหลังมือ ดีวันดีคืน
พุทธลักษณะ องค์พระสง่างามสมบูรณ์ แสดงถึง ความอุดมสมบูรณ์
ทั้ง โภคทรัพย์ วาสนา และบารมี ปราศจากความทุกความอับจนตกต่ำทั้งหลายทั้งปวง
ตลอดถึงพระพักตร์(ใบหน้า) ดูสงบ อวบอิ่มแสดงลักษณะ ถึงสภาวะมีความสุข
ปราศจาก ความทุกข์ใจ หรือโรคภัยไข้เจ็บ และภยันตรายทั้งหายทั้งปวง
และพระเกศ เรียวงดงาม ดุจรัศมี คมชัดดูสวยงาม เป็นเสน่ห์เมตตามหานิยม
ใครเห็นก็รักใคร่เอ็นดู อุปถัมภ์ค้ำชู ที่สำคัญประทับนั่ง บนฐานบัว เสริมดวงเสริมมงคล และมีพลังอำนาจข่มศัตรู ,
....ตำนานการสร้าง พระขุนแผนพรายกุมาร เพชรกลับ นับว่าเป็นสุดยอดเคล็ดวิชา
สำหรับสะท้อนสิ่งเลวร้าย
สิ่งอัปมงคลและคุณไสยต่างๆออกจากตัว
หากผู้ใดคิดร้ายจะสะท้อนกลับและแพ้ภัยไปเอง
พระขุนแผนพรายกุมารเพชรกลับนี้ เป็นของดีที่สุด
ในการนี้ทางวัดบ้านโจด ได้รับความเมตตาจาก
ท่านเจ้าคุณ พระภาวนาธรรมาภิรักษ์ วิ.
หลวงพ่อรักษ์ อนาลโย วัดสุทธาวาส วิปัสสนา
พระเกจิดังผู้สร้างพุทธมณฑลจังหวัดอยุธยา
มอบมวลสารชั้นครู ผงวิเศษชั้นอก ผงอาถรรพ์ตำหรับโบราณผงพรายกุมารหลวงปู่ทิม
ที่สืบเชื้อมาตรงจาก หลวงปู่ทิม ถึง หลวงพ่อสาคร ตกทอดถึง หลวงพ่อรักษ์
อีกทั้งยังมีผงพรายกุมารหลวงพ่อโสธร ผงพรายกุมารหลวงพ่อรักษ์ ผงพรายมหาภูติล้านนา
ผงดิน 7 ป่าช้าผงมหาเสน่ห์ผงนะหน้าทอง ผงช้างประสมโขลง ผงสาลิกาจับปากโลง ผงว่านดอกทอง
ผลว่านสเน่ห์จันทร์แดงและยอดรักซ้อน ผงว่าน 108 เกจิ ผงธูปหลวงพ่อกวย
ผงพลอยเมืองจันทร์ ผงไม้ตะเคียน และอีกมากมายหลายชนิดมาจัดสร้าง พระขุนแผนรุ่นนี้
--------------------------
พระครูวีรสุธรรมาภรณ์ พระอุปัชฌาย์ บาล สุวีโร
เจ้าคณะอำเภอคูเมือง เจ้าอาวาสวัดบ้านโจด จ.บุรีรัมย์
พระมหาเถราจารย์เอกสายเมตตาบารมี สืบสายวิชาตำรับ เขมรโบราณพันปี
.......พระมหาเถระผู้มากด้วยคุณธรรม เป็นที่พึ่งของคณะสงฆ์และพุทธศาสนิกชน
อีกทั้งยังเป็นศูนย์รวมเวทวิทยาอาคมชั้นสูง ฝากตัวเป็นศิษย์เรียนวิชาที่เป็นฉบับแท้ดั้งเดิมของเขมรโบราณ
คือ หลวงปู่เพ็ง ธัมมทินโน วัดบ้านปะเคียบ หลวงปู่เลื่อน วัดสุดเขต อ.เมือง จ.สุรินทร์ เป็นต้น
สองปรมาจารย์ผู้มีพลังจิตอันลึกล้ำ ทั้งยังมีอิทธิฤทธิ์-ปาฏิหาริย์มากมายเป็นที่เลื่องลือกันมากสืบสายวิชาตำรับเขมรมาโดยตรง
........หลวงปู่อุปัชฌาย์ บาล ได้มองเห็นกาลไกลไปข้างหน้าว่า
พระเวทวิทยาคม ที่ท่านกำลังศึกษาอยู่นี้จะเป็นประโยชน์มากแก่การทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา
ทั้งยังได้ช่วยเหลือสงเคราะห์ญาติโยมและผู้เดือดร้อนต่าง ๆ ในอนาคตภายหน้าแน่นอน
ท่านจึงมุมานะพยายามขยันศึกษาเล่าเรียนวิชาอาคมจนสุดความสามารถ
ตลอดจนศึกษาการเจริญวิปัสสนากรรมฐานนั่งสมาธิควบคู่ไปด้วย เพื่อเพิ่มพูนพลังจิตให้แก่กล้าขึ้น
จนปัจจุบันได้จัดสร้างวัตถุมงคลขึ้นมาโดยลำดับ เพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจสาธุชน
......หลวงปู่อุปัชฌาย์ บาล สุวีโร พระเกจิเมืองบุรีรัมย์
อยู่จำพรรษาปฏิบัติศาสนกิจอยู่ที่วัดบ้าน โจด ต.ปะเคียบ อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ วัดบ้านเกิดมาโดยตลอด
ช่วงที่เป็นพระหนุ่มไฟแรงหลังออกพรรษาทุกปีมักจะออกเดินธุดงค์ไปตามป่าเขา
โดยเฉพาะป่าตามแนวตะเข็บชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อแสวงหาความสงบ วิเวก
ด้วยความที่เป็นพระปฏิบัติดี ทำให้มีชื่อเสียง เป็นที่รู้จักของพุทธศาสนิกชนอย่างรวดเร็ว
ในแต่ละวันจึงมีญาติโยมจำนวนมากเดินทางมากราบนมัสการ รับฟังธรรม
และประพรมน้ำพระพุทธมนต์ เสริมความเป็นสิริมงคลไม่ขาดสาย
......สำหรับปัจจัยที่ได้จากการบริจาค ก็นำมาพัฒนาสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้วัด
โดยก่อสร้างถาวรวัตถุ อาทิ ศาลาการเปรียญ กำแพงแก้ว ประตูโขง หอระฆัง พระอุโบสถ เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญทางด้านการศึกษาสงฆ์ บริจาคปัจจัยส่วนตัวให้การสนับสนุนการศึกษา
พระภิกษุ-สามเณร รูปใดมีความตั้งใจเรียนและเรียนดี ท่านจะจัดหาทุนมอบให้ทุกปี
......ลำดับสมณศักดิ์ พ.ศ.2532 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นตรี
ที่ พระครูวีรสุธรรมาภรณ์ พ.ศ.2538 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักด์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นโท
และพ.ศ.2550 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นเอกในราชทินนามเดิม
ส่วนตำแหน่งทางปกครอง
พ.ศ.2518 เป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านโจด
พ.ศ.2542 เป็นเจ้าคณะตำบลปะเคียบ
พ.ศ.2529 เป็นพระอุปัชฌาย์
พ.ศ.2553 เป็นรองเจ้าคณะอำเภอคูเมือง
และ พ.ศ.2559 ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอคูเมือง จวบจนปัจจุบัน
.......ถึงแม้จะมีอายุย่างแปดสิบปี อยู่ในช่วงปัจฉิมวัย แต่สภาพร่างกายยังคงแข็งแรง เนื่องจากไม่ยอมอยู่นิ่ง
หากว่างศาสนกิจ จะพาภิกษุ-สามเณร พัฒนาบริเวณวัดให้มีความสะอาดสวยงาม
สร้างความเจริญหูเจริญตาแก่บรรดาญาติโยม ที่มาทำบุญที่วัด ดังนั้น หลวงปู่จึงยังรับกิจนิมนต์เป็นปกติ
........ส่วนหลักธรรมคำสอนที่พร่ำสอนญาติโยมมาโดย ตลอด เพื่อใช้เป็นแนวทางการดำเนินชีวิต
คือ การดำรงชีวิตอยู่ด้วยความไม่ประมาท มีความกตัญญูกตเวทีต่อบุพการี
ไม่เบียดเบียนสรรพสัตว์ร่วมโลกและให้ยึดศีล 5 ไว้เป็นหลักในการดำเนินชีวิต
เพียงเท่านี้จะทำให้ชีวิตพานพบแต่ความสุขความเจริญ |