(N)
หาอยากมาก
สร้างเมื่อประมาณ พศ.2483-2485
อธิฐานจิตปลุกเสกโดย พระอาจารย์หนู ซึ่งพื้นเพท่านเป็นคนจังหวัดสุรินทร์ที่เดินทางมาเพื่อศึกษาพระปริยัติธรรมที่
วัดพระเชตุพนฯ(วัดโพธิ์)ในสมัยนั้น
จากการสอบถามชาวบ้านแถบท่าเตียนและพระภิกษุที่จำพรรษาอยู่ที่วัดพระเชตุพนฯนั้นได้เล่าต่อๆกันมาว่า
ท่านพระอาจารย์หนู ท่านเป็นพระที่มีวิชาอาคมขลังยิ่งนักเพราะด้วยความที่ท่านเป็นชาวจังหวัดสุรินทร์ที่ใกล้กับประเทศเขมรซึ่งมีความเชื่อมาแต่โบราณว่าวิชาไสยศาสตร์ของชาวเขมรนั้นถือว่าเข้มขลังยิ่งนัก อีกทั้งพระภิกษุในวัดพระเชตุพนฯต่างทราบดีว่า ท่านพระอาจารย์หนู นั้นเชี่ยวชาญสมถกรรมฐานและวิชาไสยศาสตร์เป็นอย่างยิ่งอีกทั้งท่านยังมีวัตรปฏิบัติแปลกๆ อย่างเช่น
วันทั้งวันท่านมักจะไม่พูดจาไร้สาระหรือสนทนาสิ่งที่มิเป็นประโยชน์หรือไม่เกี่ยวกับข้อหลักธรรมเลย ช่วงเย็นๆที่กุฏิของท่านมักจะไม่มีพระ,เณร,หรือชาวบ้านกล้าที่จะเดินผ่านเพราะทุกคนที่เดินผ่านมักจะได้ยินเสียงคนเป็นจำนวนมากทั้งที่ท่านอยู่ที่กุฏิแต่เพียงผู้เดียวและเห็นภาพแปลกๆ(ภาพวิญญาณ)เป็นประจำ
.....หลังจากเกิดสงครามและโรคระบาดในช่วงปี2483-2485มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ท่านพระอาจารย์หนู จึงได้ใช้วิชาที่ได้ร่ำเรียนมาเพื่อช่วยเหลือดวงวิญญาณสัมภเวสีที่ต้องตายก่อนที่จะหมดอายุขัยให้โมทนาบุญกุศลและเปลี่ยนจากดวงวิญญาณสัมภเวสีเร่ร่อนมาร่วมสร้างบุญกุศลด้วยการมาเป็นเทวดารักษาในองค์พระ โดยการนำผงเถ้ากระดูกของผู้เสียชีวิตในสมัยนั้นมาเป็นส่วนหนึ่งของมวลสารผสมกับผงพุทธคุณและว่านต่างๆเพื่อสร้างเป็นพระเครื่องพิมพ์ต่างๆ เพื่อคุ้มครองป้องกันผู้ที่คล้องหรือบูชาองค์พระติดตัวให้รอดพ้นจากอันตรายและโรคระบาด
.....ซึ่งหลังจากที่ชาวบ้านได้รับพระเครื่องนี้ไปต่างมีประสบการณ์ต่างๆมากมาย ที่เล่าขานสืบต่อกันมา โดยเฉพาะถ้าเดินทางไปในที่ต่างๆมักจะมีคนรอบข้างเห็นว่ามีคนติดตามมาเป็นจำนวนมาก และแคล้วคลาดจากอันตรายอย่างไม่คาดคิด หรืออธิฐานเรื่องค้าขายติดต่อการงานก็สำเร็จโดยง่ายดาย
......คาถา กำกับองค์พระ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ 3 จบ
พุทธัง. นิมิตตัง
ธรรมมัง นิมิตตัง
สังคัง นิมิตตัง |