(N)
 จนกระทั่งปี พ.ศ.2527 พระอาจารย์ สมศักดิ์ ฐิตสกฺโข ศิษย์เอก หลวงปู่เล็ก ติสโส อดีตเจ้าอาวาสวัดนครอินทร์
ได้สร้างวัตถุมงคลขึ้นมา อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งในครั้งที่พระอาจารย์ สมศักดิ์ ฐิตสกฺโข สร้างวัตถุมงคลนั้น ท่านได้เป็นลุกศิษย์ของ หลวงพ่อคูณปริสุทโธ แล้ว ทั้งยังได้คาถา 108 จาก หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ อีกด้วย อีกทั้งพระอาจารย์ สมศักดิ์ ฐิตสกฺโข ยังได้นำวัตถุมงคลที่ได้สร้างขึ้นมานั้น นำไปให้ หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ ซึ่งในขณะนั้นท่านยังไม่ดังเหมือนในปัจจุบันนี้ ทำพิธีอธิษฐานจิตปลุกเสก และ พระอาจารย์ สมศักดิ์ ฐิตสกฺโข เองท่านก็ได้เข้าร่วมปลุกเสกในครั้งนี้ด้วย คือใน วันเสาร์ ที่3 มีนาคม พ.ศ.2527
วัตถุมงคลรุ่นแรกของ พระอาจารย์ สมศักดิ์ ฐิตสกฺโข ที่จัดสร้างไว้รวมทั้งสิ้น 25,000 องค์ บรรจุไว้ในเจดีย์ จำนวน 5,000 องค์ ส่วนอีก 20,000 องค์ ได้มอบให้กับญาตโยมศิษยานุศิษย์ และผู้มีจิตศรัทธาร่วมสร้างบุญกุศล
วัตถุมงคลรุ่นที่ 1 ของ พระอาจารย์ สมศักดิ์ ฐิตสกฺโข ที่จัดสร้างไว้ก็มี อาทิ
1.พระสมเด็จพิมพ์ใหญ่ หลังมียันต์ อะระหัง มีรอยจารอักขระภาษาขอมสามตัว อ่านว่า อะระหัง และอุณาโลม อยู่ด้านบน
2.พระพิมพ์พระเจ้าห้าพระองค์เนื้อผง
3.พระสมเด็จเนื้อผงพิมพ์เส้นด้าย
4.พระปางลีลาเนื้อผง
5.พระพิมพ์ธรรมจักรเนื้อผง
6.พระพิมพ์เม็ดบัวเนื้อผง
7.พระปิดตาเนื้อผงใบลานคลุกรัก พิมพ์ใหญ่ (A)
8.พระปิดตาเนื้อผงใบลานคลุกรัก พิมพ์ใหญ่ (B)
9.พระปิดตาเนื้อผงใบลานคลุกรัก พิมพ์เล็ก (C)
10.พระสมเด็จพิมพ์รัศมีบัวสองชั้น
11.พระพิมพ์เม็ดน้อยหน่าเนื้อผง
12.พระพิมพ์จันทร์ลอยเนื้อผงพิมพ์ใหญ่
13.พระพิมพ์จันทร์ลอยเนื้อผงพิมพ์เล็ก
14.พระพิมพ์จันทร์ลอยเนื้อผงพิมพ์จิ๋ว
15.พระพิมพ์ปรกโพธิ์เนื้อผง
16.พระพิมพ์หยดน้ำเนื้อผง
17.พระพิมพ์สามเหลี่ยมเล็กเนื้อผง
พระพิมพ์สมเด็จเนื้อผงพิมพ์มารผจญ และพิมพ์ประทานพร กล่าวกันว่า พิมพ์ที่พระอาจารย์สมศักดิ์ ฐิตสกฺโข สร้างพระนั้นเกิดจาก การที่พระอาจารย์สมศักดิ์ ฐิตสกฺโข ได้นิมิต (ฝัน) เห็นพระอิริยาบถ ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในพุทธลักษณะต่างๆ โดยใช้หินอ่อนที่ลับมีดมาแกะเป็นแม่พิมพ์ ตามที่ได้นิมิตไว้ ด้วยความวิริยะอุตสาหะ
ดังนั้นพระพิมพ์สมเด็จแร่บางไผ่ที่ พระอาจารย์สมศักดิ์ ฐิตสกฺโข สร้างขึ้นมาในปีพ.ศ.2539 อันถือว่าเป็นรุ่นที่3 ของพระอาจารย์สมศักดิ์ ฐิตสกฺโข นั้น จึงมีรูปแบบพิมพ์เหมือนพิมพ์พระสมเด็จเนื้อผงในรุ่นแรก ปี พ.ศ.2527 ของพระอาจารย์สมศักดิ์ ฐิตสกฺโข เลยทีเดียว |
|