ร่วมเสนอความคิดเห็น

หัวข้อกระทู้ : ท่านพ่อคร่ำ วัดวังหว้า



(N)


"ท่านพ่อคร่ำ" ตามทีชาวบ้านย่านชายฝั่งทะเลตะวันออก เรียกขานกันนั้นท่านเป็นพระคณาจารย์ที่ได้รับความเคารพศรัทธาอย่างสูงจากสาธุชนทั่วๆ ไปมานานเต็มทีแล้ว และยังเป็นท่านพ่อของบรรดาชาวเรือตังเกในย่านนี้ด้วยบางท่านที่เข้าถึงกระแสแห่งรสพระธรรม เชื่อกันว่าหลวงปู่เป็นผู้ที่ล่วงพ้นแล้วจากกิเลสทั้งปวง

หลวงปู่คร่ำ หรือ พระครูสุตพลวิจิตร มีนามว่า คร่ำ อรัญวงศ์ เกิดที่บ้านตำบลวังหว้า อ.แกลง เมื่อวันพุธ แรม 10 ค่ำเดือน 11 ปีระกา ตรงกับวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2440 โยมบิดา ชื่อครวญ โยมมารดาชื่อ ต้อย ท่านเป็นบุตรคนโตในจำนวน พี่น้องทั้งหมด 4 คน หลวงปู่เป็นชาวเมืองแกลงโดยกำเนิด ซึ่งบรรพบุรุษได้ตั้งรกรากอยู่ที่บ้านวังหว้ามานานหลายชั่วอายุคน ครอบครัวของท่านประกอบอาชีพในทางกสิกรรมเฉกเช่นเดียวกับประชากรส่วนใหญ่ในชนบทที่ไม่ทำสวนก็ทำนาเป็นหลักคือ การทำสวนพริกไทย อันเป็นอาชีพหนึ่งที่ทำกันแพร่หลายไม่แพ้ในเขตจังหวัดจันทบุรี เมื่อวัยเจริญขึ้นควรที่จะได้รับการศึกษา โยมบิดามารดา ได้พาไปฝากให้เล่าเรียนหนังสือ กับท่านเจ้าอาวาสวัดวังหว้า ซึ่งเวลานั้นหลวงปู่มีอายุราว 11-12 ปี เล่าเรียนและปรนนิบัติรับใช้อาจารย์อยู่ประมาณปีเศษจึงย้ายมาเรียนหนังสือที่วัดพลงช้างเผือกและพำนักอยู่ที่นั่น จนอายุได้ราว 15 ปีก็กลับมาบ้าน เพื่อช่วยเหลือเป็นกำลังของครอบครัวในการทำสวนพริกไทย แต่แล้วในปีนั้นเองได้เกิดอาเพทขึ้นบรรดาสวนพริกไทยในละแวกนั้น เกิดเหี่ยวเฉาตายเรียบทุกสวนสร้างความเดือดร้อนกันทั่วทุกครัวเรือนจนทำให้ทางบ้านของท่านเลิกการทำสวนพริกไทยหันไปประกอบอาชีพอื่นตั้งแต่นั้นกระทั่งหลวงปู่อายุครบ 20 ปี จึงคิดที่จะบวชเพื่อทดแทนพระคุณ อันเป็นขนบธรรมเนียมประเพณีที่ยึดถือปฏิบัติกันมาช้านานของชายไทยทั่วๆ ไปที่นับถือพระพุทธศาสนา คนที่ยังไม่เคยบวชเรียน สังคม ชาวบ้านถือกันว่าเป็นคนดิบ ชนบทบางพื้นที่มีคำเรียกอันเป็นการแยกสถานภาพ ระหว่างผู้ที่ผ่านการบวชเรียนแล้ว กับผู้ที่ยังไม่ใด้บวช เช่นคำว่า ทิด ซึ่งมาจากคำว่า บัณฑิต แปลว่า ผู้มีปัญญา หรือนักปราชญ์ คำเรียกดังกล่าวนี้แตกต่างกันไปตามท้องถิ่น ทางภาคเหนือและอีสานก็มีเช่นกัน

พอถึงวันจันทร์แรม 14 ค่ำเดือน 7 ปีมะเส็ง จ.ศ. 1279 ตรงกับวันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ.2460 จึงได้รับการอุปสมบทเป็นพระภิกษุ โดยมีพระครูสังฆการบูรพาทิพย์ (ปั้น) วัดทะเลน้อย เป็นพระอุปัชฌาย์พระอาจารย์เผือกวัดวังหว้า เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ได้นามฉายาว่า ยโสธโร หลวงปู่ได้ปฏิบัติเหมือนกับพระนวกะทั่วๆ ไป และตั้งใจศึกษาพระธรรมวินัยจนสอบได้ประโยคนักธรรมโท กับค้นคว้าตำรับตำราวิชาการต่างๆ จากนั้นจึงเดินทางไปฝากตัวเป็นศิษย์เพื่อเล่าเรียนพระกรรมฐานและวิทยาคุณจากหลวงพ่อโต วัดเขาบ่อทอง หรือวัดเขาชากโดนซึ่งเชี่ยวชาญในด้านสมถะและวิปัสสนากรรมญานเป็นพระอาจารย์
บอกกรรมฐาน มีจิตตานุภาพและวิทยาคมขลัง เป็นที่เลื่องลือมากในสมัยนั้น หลังจากได้ฝากตนเป็นศิษย์แล้วก็ตั้งหน้าศึกษาเล่าเรียนอย่างจริงจัง จนบังเกิดความเชื่อมั่นในตนเองกับวิชาที่เรียนและเป็นที่พอใจของผู้เป็นอาจารย์

ท่านจึงกราบลาพระอาจารย์ ออกจาริกธุดงค์เพื่อเป็นการทดสอบกำลังใจและฝึกฝนจิตให้เกิดสมาธิเข้าสู่วิปัสสนาญาณต่อไปได้เดินธุดงค์เพียรปฏิบัติอยู่เป็นเวลาพอสมควรจึงกลับสู่วัดวังหว้า นับตั้งแต่หลวงปู่คร่ำอุปสมบท ในเพศบรรพชิตสืบทอดหลักพระธรรมคำสอนขององค์พระบรมศาสดาถึงขณะนี้ได้ 76 ปี แล้ว ได้ใช้พระธรรมคำสอนอบรมบรรดาลัทธิหาริกและสาธุชนผู้มีใจฝักใฝ่ในธรรมให้ยึดมั่นถือมั่นในหลักคุณธรรมแห่งความดี ตลอดระยะเวลาที่หลวงปู่ ได้ใช้ชีวิตอยู่ภายใต้ร่มกาสาวพัสตร์ก็ปฏิบัติตนเป็นผู้สำรวมในศีลอย่างเคร่งครัด เพื่อให้เป็นตัวอย่างแก่เหล่าบรรดาศิษย์ จะได้จดจำและปฏิบัติตนตามเยี่ยงของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นครูบาจารย์ในส่วนที่ดี ด้านลูกศิษย์ของท่านมีมากมายหลายอาชีพ ตั้งแต่ข้าราชการระดับบริหารเศรษฐีตลอดจน กระทั่งผู้ใช้แรงงาน แต่ท่านก็ให้ความเมตตาโดยเสมอภาคกัน มิได้มีการแยกหรือแบ่งชั้นวรรณะซึ่งก็ได้สร้างปิติและศรัทธาต่อบรรดาสาธุชนเหล่านั้น ที่มีอยู่ทุกภาคของประเทศ

เมื่อราวปลายเดือนกันยายน พ.ศ. 2536 ที่ผ่านมา รัฐบาลได้มีพระราชบัญญัติจัดตั้งกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมเมื่อมีกระทรวงใหม่เกิดก็ย่อมจะต้องมีเจ้ากระทรวงหรือรัฐมนตรีว่าการ บรรดา ส.ส.ผู้ทรงเกียรติต่างก็หมายมั่นปั้นมือเพื่อจะได้เป็นเสนาบดีกันสักครั้งหนึ่ง และก่อนหน้าที่จะมีการประกาศรายชื่อผู้ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงแรงงานไม่กี่วัน นายเสริมศักดิ์ การุณ ส.ส.ระยอง กับ นายไพฑูรย์ แก้วทอง ส.ส.พิจิตร ได้พากันไปกราบหลวงปู่คร่ำให้หลวงปู่เจิมหน้าผาก รดน้ำมนต์ เป่ากระหม่อมให้หลังจากนั้นไม่กี่วัน หนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ ไทยรัฐ พาดหัวข่าวหน้าหนึ่งเลยว่า "มนต์ หลวงปู่เฮี้ยน..." ปรากฏว่าท่าน ส.ส. ทั้งคู่ได้เป็นรัฐมนตรีเรียบร้อย

จนกระทั่งมาอีกครั้งหนึ่งก็การแต่งตั้งอธิบดีตำรวจที่ พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ กระเด้งกระดอนออกมาจากมติ กตร. 2 ระรอกแล้ว ครั้งสุดท้ายก่อนที่จะมีการลงมติกันอีกครั้งวัดวังหว้าก็ปรากฏกายของท่าน พล.ต.อ. ประทินว่าที่อธิบดีตำรวจ เพื่อขอให้หลวงปู่คร่ำรอดน้ำมนต์ และเป่ากระหม่อมให้ เมื่อผลการแต่งตั้งออกมา ชื่อของ พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพคือนัมเบอร์วันของกรมตำรวจจริงๆ ชื่อของลป.คร่ำ ก็ยิ่งตอกย้ำถึงบุญบารมี เพราะความศักดิ์สิทธิ์อย่างเหลือเชื่อ

ลป.คร่ำท่านเป็นพระที่เปี่ยมล้นไปด้วยความเมตตาอย่างไร้ขอบเขตจริงๆ ใครไปกราบไหว้ท่าน ท่านก็เมตตาเป่าหัวให้ ทำให้สารพัดผู้ที่ไปกราบท่านมีแต่ความปลื้มปิติซาบซึ้งในความเมตตาของหลวงปู่เป็นทวีคูณ ปัจจุบันนี้ด้วยวัยกว่า 97 ปีของหลวงปู่ จึงทำให้การต้อนรับหรือการเข้าไปพบท่าน ค่อนข้างจะต่างจากในอดีตเพราะสังขารท่านนั้นย่อมต้องการพักผ่อนก่อน แม้ว่าคนรอบข้างบอกว่าเดี๋ยว หลวงปู่เหนื่อยๆ แต่หลวงปู่ก็ยังเสมอภาคกับทุกคน

ในด้านวัตถุมงคลของลป.คร่ำนั้นก็มีสร้างกันมาร่วม 30 ปีแล้ว สุดท้ายนี้ ขอเชิญชวนทุกท่านได้ไปกราบไหว้ลป.คร่ำ วัดวังหว้า สุดยอดมหาเมตตาบารมีแห่งยุค เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ท่านและครอบครัว เทพเจ้าของชาวระยอง

หลวงปู่คร่ำ ท่านมีอายุ ๑๐๐ ปีบริบูรณ์เมื่อวันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๔๐ พรรษา ๘๐ นับเป็นพระเถระที่มีพรรษาสูงสุดของเมืองไทย

ต่อมาเนื่องจากหลวงปู่อายุมาก แต่หลวงปู่ยังปฏิบัติกิจนิมนต์ต่างๆตลอดมา ต้อนรับสาธุชนจากสารทิศทุกวัน แม้บางวันจะเหน็ดเหนื่อยจนลุกแทบไม่ได้ แต่เมื่อมีผู้คนมาคอยพบมากมายหลวงปู่จะพยายามลุกขึ้นลำให้ศิษย์ประคองออกมาประพรมน้ำมนต์แก่ผู้มากราบไหว้บูชาจนร่างกายเสื่อมโทรมแพทย์ประจำตัวต้องคอยปรนนิบัติอย่างใกล้ชิด ในที่สุดกรรมการวัดและศิษย์ผู้ใกล้ชิด มีความเห็นร่วมกันว่าควรให้พักผ่อนให้มาก จึงได้นำไปบำบัดโรคพยาธิในโรงพยาบาล เพื่อพักฟื้นหลายครั้งแต่หลวงปู่จะพักในโรงพยาบาลไม่นาน รบเร้าต่อแพทย์และผู้ใกล้ชิดให้ส่งกลับวัดตลอดเวลา จึงไปๆมาๆระหว่างวัดและโรงพยาบาลโดยตลอด ในที่สุดแพทย์จากดโรงพยาบาลสมิติเวชศรีราชา ตรวจพบว่าหลวงปู่มีเนื้อร้ายที่ลำคอจึงได้นิมนต์ให้พักรักษาตัวที่โรงพยาบาลสมิติเวชศรีราชา โดยไม่คิดค่ารักษาแต่ประการใด ตลอดระยะเวลาหลายเดือน

มรณภาพในที่สุดแห่งชีวิตที่ไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้ หลวงปู่ได้ละสังขารถึงแก่มรณภาพ
ในวันที่ ๑ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๔๐ เวลาประมาณ ๑๔ นาฬิกา ด้วยอาการสงบ ณ. โรงพยาบาลสมิติเวชศรีราชา ท่ามกลางความเศร้าโศกอาลัยของสานุศิษย์และสาธุชนทั่วประเทศนับล้านคนที่ได้ทราบข่าวต่างหลั่งไหลมากราบไหว้ เคารพศพที่วัดวังหว้าตลอดเวลา 18 ปี

โดยคุณ ปฐมกรรมฐาน (231)  [อา. 07 มิ.ย. 2558 - 19:05 น.]



โดยคุณ ปฐมกรรมฐาน (231)  [อา. 07 มิ.ย. 2558 - 19:10 น.] #3635949 (1/3)
เรื่องนี้ เป็นเรื่องจริงไม่ได้เติมแต่ง
เรื่องพลังจิตานุภาพ ของหลวงปู่คร่ำ วัดวังหว้า ผมได้พบมากับตัวเอง เมื่อสมัย 10 กว่าปีก่อนมาแล้ว
ครั้งนั้น ผมไปธุระกับเพื่อนที่จังหวัดจันทบุรี ขากลับตอนบ่ายๆ ก็ตัดสินใจแวะที่อำเภอแกลง ไปวัดวังหว้า
ไปกราบหลวงปู่คร่ำ ไปถึงตอนนั้น หลวงปู่จำวัดอยู่ในกุฎิ ต้องรอเวลาประมาณ 16.00 น. หลวงปู่จึงจะออก
มารับแขก ช่วงเวลานั้น ผมก็ไปหาบูชาวัตถุมงคล ในตู้ของวัด ได้ผ้ายันต์พัดโบก 1 ผืน ผ้ายันต์เมตตา(มีรูปไก่)
1 ผืน พระสมเด็จ 1 องค์ และ พระกริ่งเนื้อผง 1 องค์ ทางเจ้าหน้าที่ก็ใจดี แถมตะกรุดเมตตาให้มาอีก 2 ดอก
ได้เวลา 16.00 น. หลวงปู่คร่ำ ก็ออกมารับแขก ได้ถามไถ่สารทุข์สุกดิบลูกศิษย์ลูกหาพอสมควร ท่านก็
ให้นำวัตถุมงคลมาให้ท่าน ท่านจะปลุกเสกซ้ำอีกที่ ท่านจะปลุกเสกซ้ำให้แก่ทุกๆคน แต่ละครั้งจะนานพอสมควร
เสร็จแล้ว ก็อวยพรให้
ตอนขากลับ เพื่อนขับรถมาถึงเขตจังหวัดชลบุรี แล้วก็ไม่ได้ดูเกย์ความร้อนด้วย ประกอบกับช่วงนั้นเป็ช่วงระยะเวลามืดค่ำ ถนนก็เปลี่ยวด้วยนานๆจะมีรถวิ่งมาสักคัน พอพ้นเขตความมืดมาได้ รถก็มาสียจอดดับ สตารท์เท่าไรก็ไม่ติด ตรงสี่แยกไฟแดงพอดี มาทราบต้อนหลังว่า เขาเรียกสี่แยกเอ็ม 16 ที่เคยมีคดีความ ยิงถล่มเสี่ยจิว ผู้ยิ่งใหญ่แห่งเมืองชล อีกคนหนึ่ง (อำเภอบ้านบึง)
เป็นบุญฤทธิ์ ของหลวงปู่อย่างไรไม่ทราบ แทนที่รถจะเสีย ระหว่างทางที่มืดๆ กลับไม่เสีย มาเสียเอาตรงที่สว่างๆ
ช่วงนั้เอง มีนักเรียนระดับ ปวช. เลิกเรียนมาพอดี จึงขอแรงช่วยเข็นรถ ให้ออกจากสี่แยก นักเรียกก็ใจดีช่วยเข็นรถ
จนพ้นไสี่แยกไฟแดง ไปจอดตรงอีกฝ่าก และได้ไปขอน้ำเติมหม้อน้ำรถ จากร้านขายมอร์เตอร์ไซค์(ร้านใหญ่มาก)
เจ้าของร้านขายมอร์เตอร์ไซค์ ท่านก็ใจดีมากชวนให้นอนค้างที่ร้าน พรุ่งนี้จะตามช่างมาช่วยซ้อมรถให้ ผมก็ตอบปฎิเสธไป ไม่ขอรบก่วน มีอย่างที่ไหนคนไม่รู้จักกันจะมาชวนให้นอนที่บ้านด้วย เกรงใจครับ เลยเข็นรถมาตรงหน้าร้านอาหารพอดี ผมและเพื่อนช่วยกันสตาร์ทอยู่นานก้ไม่ติด หิวข้าวแล้ว ก็เข้าไปกินข้าวแถมดื่มสิงห์สักหน่อย กินไปคุยเรื่องรถเสียไป ว่าจะทำอย่างไรดี กินข้าวเสร็จออกมาปล้ำรถต่อ
ทันใดนั้น ก็มีผู้เป็นมิตรไมตรี ได้รับประทานอาหารเสร็จออกจากร้านมา แล้วก็เข้ามาถามไถ่เรื่องรถเสีย เพราะว่า
ตอนรับประทานอาหารอยู่นั้นได้ยินถึงการคุยเรื่องรถเสีย ผู้มีมิตรไมตรีก็ได้ชวนผมและเพื่อน ไปหาช่าง เพื่อจะมาซ่อมรถ
แต่ช่วงนั้น ก็เป็นเวลาประมาณ 22.00 น.กว่าๆ ร้านต่างๆก้ปิดหมดแล้ว ไม่มีช่างที่ไหนทำงานอยู่ แต่ก็หามาดูรถได้ โดยการบุกเข้าไปถึงห้องนอนไปตามตัว พอช่างมาถึงรถก็วินิจฉัยว่า ฝาสูบโก่ง ซ่อมไม่ได้ต้องยกเครื่อง เป็นอันว่าจบหมดหนทาง เป็นอันว่าต้องนอนค้างที่บ้านบึง ท่านผู้มีมิตรไมตรีก็พาผมและเพื่อน ขับรถไปหาโรงแรมที่อำเภอบ้านบึง จนได้นอนค้างในวันนั้น โดยที่ไม่ได้คิดค่าตอบแทนอย่างไร เพียงแต่บอกว่า ถ้าคุณพบคนที่มีทุกข์แบบนี้ กรุณาช่วยเขาด้วย จากเวป konrakmeed

โดยคุณ MICHAL304 (333)  [อา. 07 มิ.ย. 2558 - 19:23 น.] #3635953 (2/3)


(N)



โดยคุณ ming168 (808)  [จ. 08 มิ.ย. 2558 - 21:18 น.] #3636448 (3/3)

!!!! กรุณา Login ก่อนจึงจะเสนอความคิดเห็นได้ !!!


Copyright ©G-PRA.COM
www1