ร่วมเสนอความคิดเห็น

หัวข้อกระทู้ : หลวงปู่ฉาบ วัดคลองจันทร์



(N)


พระครูเกษมชัยคุณ มีนามเดิมว่า ฉาบ เกรงขาม เกิด ณ ตำบล จำลอง อำเภอแสวงหา จังหวัดอ่างทอง
เมื่อวันอังคาร ขึ้น 8 ค่ำ เดือน 12 ปีมะโรง ตรงกับวันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2447
โยมบิดาชื่อ ชม โยมมารดาชื่อ แผ้ว มีอาชีพทำนา พออายุได้ 18 ปี ท่านถูกเกณฑ์ไปเป็นทหาร โดย
สังกัดอยู่หน่วยทหารช่างบางซื่อ กรุงเทพ ฯ จนกระทั่งอายุได้ 22 ปี จึงพ้นเกณฑ์กลับมาช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพ
ในปีต่อมาโยมบิดามารดาของท่านได้จัดบรรพชาอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ พัทธสีมาวัดบ้านพราน ต. บ้านพราน อ. แสวงหา จ. อ่งทอง โดยมี พระครูสุภารวินิต เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการบาง อุทฺโย วัดบ้านพราน เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ พระอาจารย์หล่ำ วัดบ้านพราน เป็นพระอนุสาวนาจารย์ เมื่อวันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2570 ได้รับฉายาว่า “เขมฺจตฺโต“ หลังจากอุปสมบทแล้ว ท่านได้อยู่รับใช้พระอุปัชฌาย์ ศึกษาพระธรรมวินัยและฝึกกัมมัฏฐาน เบื้องต้นกับพระอาจารย์ จากนั้นท่านได้ไปศึกษาวิชาพุทธาคมกับพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงในยุคนั้น ได้แก่
1. หลวงพ่อศรี วัดพระปรางค์ จังหวัดสิงห์บุรี เรียนวิชาทำน้ำมนต์, สีผึ้งเมตตา
2. หลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา จังหวัดสุพรรณบุรี เรียนวิชาทำแหวน, ตะกรุด
3. หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์ จังหวัดนครสวรรค์ เรียนวิชาทำมีดหมอ, ผ้ายันต์ช้าง
4. หลวงพ่ออินทร์ วัดเกาะหงษ์ จังหวัดนครสวรรค์ เรียนวิชาฝังเข็มทองคำ, วิชาแพทย์แผนโบราณ, ประสานกระดูก
5. หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก จังหวัดอยุธยา เรียนวิชาเมตตาลงนะหน้าทอง
6. หลวงพ่อแจ่ม วัดวังแดง จังหวัดอยุธยา เรียนวิชาทำมีดหมอ, ผ้ายันต์ มหาลาภ เมตตา ค้าขาย

หลวงปู่ฉาบ เมื่อท่านได้ศึกษาวิชากับพระอาจารย์จนเชี่ยวชาญแล้ว ท่านได้มาจำพรรษา ณ วัดคลองจันทน์ ต. ห้วยงู อ. หันคา จ. ชัยนาท ซึ่งขณะนั้นมี หลวงพ่อโป๋ เป็นเจ้าอาวาส ภายหลังหลวงพ่อโป๋มรณภาพลงชาวบ้านจึงพร้อมใจกันอาราธนานิมนต์ หลวงปู่ฉาบ เป็นเจ้าอาวาสสืมต่อมาจนถึงวันที่ 28 มีนาคม 2542 ซึ่งเป็นวันที่หลวงปู่มรณภาพ

โดยคุณ ปฐมกรรมฐาน (231)  [จ. 08 มิ.ย. 2558 - 12:12 น.]



โดยคุณ ปฐมกรรมฐาน (231)  [จ. 08 มิ.ย. 2558 - 12:51 น.] #3636214 (1/2)


(N)
อุปสมบท

หลวงพ่อฉาบไดัการอุปสมบท ณ พัธสีมาวัดบ้านพราน อ.แสวงหา จ.อ่างทอง โดยมีพระครูสุภาวินิต เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการบาง วัดบ้านพราน เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์หล่ำ วัดบ้านพราน เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า เขมจิตโตหลังจากอุปสมบทแล้วเป็นพระชอบค้นคว้าทดลองในด้านวิชาอาคมต่างๆ ตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น ด้วยท่านมีนิสัยพูดจริงทำจริง ไม่กลัวใคร และได้ปรนนิบัติรับใช้ครูบาอาจารย์และฝึกฝนการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานจนมีความรู้ความชำนาญจึงได้กราบลาอาจารย์ไปศึกษาวิชาเพิ่มเติมกับพระคณาจารย์ที่มีชื่อเสียงในขณะนั้น อาทิ


หลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา หลวงพ่อศรี วัดพระปรางค์
หลวงพ่ออินทร์ วัดเกาะหงษ์เรียนวิชาฝังเข็มทอง
หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพเรียนวิชาการทำมีดหมอและการทำผ้ายันต์พญาฉัททันต์
หลวงพ่อแจ่มวัดวังแดงเหนือเรียนวิชาการทำมีดปากกา
หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก เป็นต้น


หลังจากบวชใหม่ๆท่านก็ไปฝากตัวเป็นศิษย์ของหลวงพ่อเเจ่ม วัดวังแดงเหนือ อ.ท่าเรือ จ.อยุธยา ท่านปรนนิบัติรับใช้หลวงพ่อเเจ่มอยู่หลายปี ได้รับการถ่ายถอดวิชามีดพระขรรค์และผ้ายันต์นางกวักเมตตตาค้าขาย มาโดยตรง ซึ่งวิชามีดพระขรรค์นี้เรียนได้ยากลำบากมาก หลวงพ่อเเจ่มท่านก็คนจริง เมื่อเวลาเสกมีดต้องเสกให้ปลอกมีดกับด้ามมีดวิ่งเข้าหากันให้ใด้ ถ้าดัง "แกร็ก" ถือว่าใช้ได้

หลวงปู่ฉาบได้เพียรพยายามจนสำเร็จ หลวงพ่อแจ่มจึงแนะนำให้ไปเรียนทางเมตตาลงนะหน้าทองกับหลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก ซึ่งหลวงปู่ฉาบเองท่านก็เรียนจากหลวงพ่อจงมาเพียงอย่างเดียว จากนั้นท่านก็ศึกษาหาความรู้มาเรื่อยๆ มาพบกับครูบาอาจารย์รูปต่างๆอาทิ

หลวงพ่อศรี วัดพระปรางค์ จ.สิงห์บุรี ก็ได้ศึกษาทำแหวนแขน แหวนนิ้ว และน้ำมนต์ ,หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์ ได้ศึกษาเรื่องการทำมีดหมอ พระปิดตา ผ้ายันต์ช้างและเคล็ดการใช้ธาตุทั้ง 4 ซึ่งวิชาเรื่องธาตุ4 นี้ ภายหลังหลวงพ่อจ้อย วัดศรีอุทุมพร นครสวรรค์ ยังมาขอศึกษาโดยตรงกับหลวงพ่อฉาบ (ในประวัติหลวงพ่อจ้อย ได้ลงไว้) จากเกจิหลายรูปที่กล่าวมาแล้ว หลวงปู่ฉาบยังมีอาจารย์องค์สำคัญอีกรูปคือ หลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี ซึ่งเป็นผู้ถ่ายทอดวิชาตะกรุดมหาอุด-คงกระพัน ให้กับหลวงปู่ฉาบ จนเป็นที่มาในตำนาน "ตะกรุดเสาอากาศ"

ตะกรุดเสาอากาศเป็นตำหรับวิชา จากหลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา ที่หลวงปู่ฉาบ ได้ไปร่ำเรียนมาด้วยความยากลำบาก เพราะอ.เดิมบาง เมืองสุพรรณในสมัยนั้นมีแต่ป่า มีสัตว์ร้ายชุกชุม วัดหลวงพ่ออิ่มก็ไม่ได้สะดวกสบายอะไร ต้องอยู่รับใช้หลวงพ่ออิ่ม จนได้วิชาทำตะกรุดมา ท่านมั่นใจในวิชานี้มาก ทดลองทำจนเชื่อมั่นว่าดีจริง ซึ่งประสบการณ์มีให้เห็นอยู่มากมาย

ตะกรุดเสาอากาศท่านมีประสบการณ์มากตั้งแต่ครั้งสงครามเวียดนาม ปี2510 เป็นต้นมา ท่านลงเองเสกเอง ตอนแรกเข้าใจว่าลงเป็นตะกั่วยังไม่ได้หุ้ม แต่เมื่อนำมาใช้กันแล้วตะกั่วนั้นชำรุดง่าย จึงได้ตัดเสาอากาศทีวีสมัยนั้นนำมาหุ้มด้านนอกอีกที เสมือนสวมหลอดป้องกันตะกรุดด้านใน สิ่งนี้เองก็กลายเป็นเอกลักษณ์ไป

ตะกรุดเสาอากาศ ลงอาคมแบบเด็ดขาดนิยมกันมานาน สร้างช่วงสงครามเวียดนามครั้งเดียว และมีให้เห็นอยู่แบบเดียว ที่มีกันอยู่ทุกวันนี้ท่านได้ลงไว้ตั้งครั้งสงครามแล้ว ทำไว้จำนวนมาก และได้เก็บไว้เรื่อยมา ให้บูชาบ่าง แจกบ้าง จนท่านมรณภาพเมื่อปี 2545 ของก็ยังมีอยู่ (สมัย 10 กว่าปีก่อน ผู้เขียนยังเป็นเด็กได้เคยไปกราบท่าน เห็นอยู่ในตู้วัตถุมงคลให้เช่าดอกละ 100 บาท โดยพระที่จำหน่ายได้พูดสรรพคุณหลายอย่าง แนะนำให้เช่าไว้ แต่ก็ไม่ได้เช่าตะกรุดไว้เลย เช่าแต่ ผ้ายันต์ช้างและพระสมเด็จ ตอนท่านมรณะภาพแล้วนี้ไปแบ่งเขามาดอกตั้ง 500 )

ตะกรุดเสาอากาศเป็นของดีจนอาจกลายเป็นตำนานไป เนื่องจากคนรุ่นใหม่ไม่รู้กัน หันไปเช่าตะกรุดตามศูนย์พระใหม่หมดแล้ว เพราะมีการโฆษณาบอกสรรพคุณดี มีการทำเป็นโรงงานผลิตเลย 555+ ถ้าใครเห็นการผลิตแล้วก็คงต้องลาก่อน ของใหม่เดี๋ยวนี้แพงโดยไม่มีเหตุผล บ้างก็ยิ่งสร้างน้อยยิ่งแพง เอาเถอะครับผมแนะนำตะกรุดเสาอากาศหลวงปู่ฉาบ นี่แหละตัวจริง รอดตายมามากแล้วครับ ปัจจุบันยังพอหาได้ครับ

นอกจากนี้ท่านยังได้เรียนวิชาการสักยันต์ต่างๆด้วย
และท่านยังได้เรียนวิชาเกี่ยวกับธาตุทั้งสี่จนมีความชำนาญอย่างดียิ่ง ส่วนผ้ายันต์พญาฉัททันต์ ซึ่งท่านเรียนมาจากหลวงพ่อเดิมนั้นดีทางค้าขายทางเมตตาและด้านการงานให้มีความประสบผลสำเร็จในสิ่งที่ต้องการเป็นเอกอุทางด้านเสริมบารมี เรียกว่าครอบจักรวาลครับ บูชาไว้ในบ้านคุ้มครองบ้าน ไว้ในร้านค้าก็รุ่งเรืองครับ พกติดตัวไว้ป้องกันตัวและเสริมบารมี
เรื่องหนึ่งที่ได้ยินมาคือเรื่องผ้ายันต์คุ้มบ้านมีคนบูชาผ้ายันต์ของหลวงพ่อฉาบไว้ในบ้านแล้วทิ้งบ้านไปหลายวันเพื่อเดินทางไปต่างจังหวัดแต่เพื่อนบ้านใกล้เตียงเห็นเปิดหน้าต่างไว้จึงคิดว่ามีคนอยู่ไม่ได้สนใจว่าหน้าต่างบ้านเปิดไว้เพราะถูกคนร้ายงัดบานหน้าต่างเปิดไว้จนเจ้าของบ้านกลับมาจึงทราบว่ามีขโมยเข้ามาในบ้าน
แต่เป็นที่น่าอัศจรรย์ไม่มีทรัพย์สินเสียหายหรือถูกขโมยไปแม้แต่ชิ้นเดียวนอกจากรอยเท้าคนร้ายย่ำวนไปมาและรอยถูกงัด ภายในบ้านมีเพียงรูปยันต์บูชาติดผนังไว้ข้างหิ้งพระผืนเดียวเท่านั้นแถมชาวบ้านเองยังบอกว่านึกว่ามีคนอยู่ในบ้านทุกวันไม่รู้ว่าเจ้าของไม่อยู่เชื่อว่าเป็นผ้ายันต์ผืนนี้ที่แสดงปาฎิหารย์ให้คนร้ายหนีไป เพราะผ้ายันต์หลวงพ่อฉาบไม่ได้ใช้ผ้าธรรมดา แต่เป็นผ้าที่ใช้คลุมศพ มาสกรีนยันต์พญาฉัททันต์

หลวงปู่ฉาบ เมื่อท่านได้ศึกษาวิชากับพระอาจารย์จนเชี่ยวชาญแล้ว ท่านได้มาจำพรรษา ณ วัดคลองจันทน์ ต. ห้วยงู อ. หันคา จ. ชัยนาท ซึ่งขณะนั้นมี หลวงพ่อโป๋ เป็นเจ้าอาวาส ภายหลังหลวงพ่อโป๋มรณภาพลงชาวบ้านจึงพร้อมใจกันอาราธนานิมนต์ หลวงปู่ฉาบ เป็นเจ้าอาวาสสืมต่อมาจนถึงวันที่ 28 มีนาคม 2542 ซึ่งเป็นวันที่หลวงปู่มรณภาพ


สุดยอดวิชาของหลวงปู่ฉาบ คือสักกระหม่อมเป็นตัวอัง ฝังเข็มทองตำรับหลวงพ่ออินทร์ และเครื่องรางที่สุดยอด คือมีดหมอลงยันต์นูน ผ้ายันต์พระยาฉัตทัน ตะกรุดเสาอากาศ ปลัดขิกตะกั่ว พระเครื่องที่สุดยอดคือเหรียญรุ่นแรกหลังฌาปนกิจโยมแผ้ว เกรงขาม ท่านเป็นพระที่เก่งจริงขนาดท่านนั่งซ้อนมอเตอร์ไซด์แล้วเกิดอุบัติเหตุขาหักท่านยังไม่ยอมไปหาหมอเป่าคาถาเองจนหายเป็นปกติ ผ้ายันต์ช้างของท่านมีคนบูชาแล้ววันดีคืนดีมีเสียงร้องให้ได้ยินด้วยอภินิหารของท่านมีให้เล่าอีกเยอะ ผมเองบังเอิญได้มีวาสนาเป็นลูกศิษย์ท่านช่วงไปรับราชการที่อำเภอหันคาได้มีโอกาสลงกระหม่อมกับท่านในวันเสาร์ห้าโดยลงในโบสถ์และท่านเคยชวนไปปลุกเสกพระกับท่านที่จังหวัดเพขรบูรณ์ พระคณาจารย์หลายองค์ในยุคนั้นให้ความเคารพท่านมาก โดยเฉพาะครูบาสร้อย วัดมงคลคีรีเขตถึงขนาดให้ท่านเอานำมนตร์พรมศรีษะให้ผมได้เห็นเองกับตา วัตถุมงคลของหสวงปู่เป็นของดึจริงแม้จะยังไม่ดังมากแต่เก็บไว้แล้วย่อมเป็นศิริมงคลแก่ตัวเองแน่นอนครับ
"หลวงปู่ฉาบท่านเป็นเก่งเรื่องของแคล้วคลาดมากค่ะเพราะดิฉันได้ประสบมากับตัวเอง เมื่อซัก 17 ปีที่แล้วได้ไปรดน้ำมนต์มาจากท่านเนื่องจากนั่งรถทัวร์มากรุงเทพแต่รถชนกันเสียงดังมากเลยแต่ดิฉันไม่เป็นไร หลังจากรถน้ำมนต์แล้ว ก็ได้ขึ้นรถทัวร์กลับกรุงเทพอีก ปรากฎว่าก็เจอเหตุการณ์รถทัวร์ชนอีกที่จ.อยุธยา กระจกหน้าแตกหมดเลยดิฉันก็ตะลึง อีกแล้วครับท่านก็น้ำมนต์ที่ท่านรดมาให้ค่ะคุ้มครองให้ปลอดภัย สรุปท่านเก่งเรื่องแคล้วคลาดมากๆ " ประสบการณ์ของสตรีท่านหนึ่งในเน็ตครับ

โดยคุณ ming168 (808)  [จ. 08 มิ.ย. 2558 - 21:15 น.] #3636447 (2/2)

!!!! กรุณา Login ก่อนจึงจะเสนอความคิดเห็นได้ !!!


Copyright ©G-PRA.COM
www1