(N)
#อีกหนึ่งเหรียญยอดนิยม ของดีปีลึกควรค่าน่าสะสม
เหรียญรุ่นแรก หลวงพ่อไฉน ฉนฺทสาโร
ออกให้บูชา ณ วัดหนองแก จ.นครราชสีมา ปี 2553
- ด้านหลัง ยันต์ 5 "นะ โม พุท ธา ยะ"
#ประวัติพระครูปลัดธนาทร (หลวงพ่อไฉน ฉนฺทสาโร)
หลวงพ่อไฉน ฉนฺทสาโร เป็นพระอีกรูปหนึ่งที่มีความเมตตาต่อศิษย์อย่างมาก และยังเป็นพระที่ปฏิบัติดี
มีความแตกฉานในวิชาอาคมต่างๆ เช่นอักขระ ยันต์ และวิชาต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็น การสักยันต์ ทำตะกรุด ดูดวง ลงทองที่หน้าผาก และเชี่ยวชาญในการเล่นอักขระมากๆ
ท่านเป็นลูกศิษย์ในสายของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า
โดยทุกๆวันจะมีลูกศิษย์ลูกหามากราบนมัสการจากที่ต่างๆอย่างไม่ขาดสาย
ท่านเป็นพระที่มีอุปนิสัยเป็นกันเองกับลูกศิษย์ คุยสนุกสนานพูดตรงไม่ถือเนื้อถือตัว ใครได้มากราบนมัสการก็จะสัมผัสได้ในความเมตตาของท่านที่มีต่อศิษย์ มีความสุขสบายใจกลับไปทุกราย
พุทธคุณของท่านนั้น ที่ลูกศิษย์ได้พบเจอกันไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของ คงกระพัน แคล้วคลาด เจริญก้าวหน้า โชคลาภ เมตตามหานิยม มีความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก
หลวงพ่อท่านเป็นคนวัดพระยาไกร เขตยานนาวา กรุงเทพฯ
เป็นบุตรของ นายเฉลียว และ นางสมจิตร สงปรีดี
มีพี่น้อง 5 คน ท่านเป็นคนที่ 4 เมื่อวัยเด็กท่านชอบเรื่องของพระมาก และศึกษาการเป็นอยู่ของพระ
และเมื่ออายุ 15 ปี นั่งกสินทุกอย่าง คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ เมื่ออายุครบ 21 ปี ท่านก็ได้ไปเป็นทหารจนครบ 2 ปี เมื่อปลดจากทหารท่านก็ได้บวชเป็นพระเมื่อปี 2530 ท่านได้เดินธุดงค์ ไปยังจังหวัดเพชรบูรณ์ อ.บึงสามพัน ท่านได้ตำราการทำกสินของ หลวงปู่แหวน ที่วัดหินดาดน้อย
ท่านจึงเริ่มศึกษาอย่างจริงจัง และเดินธุดงค์ไปในสถานที่ต่างๆหลายจังหวัด เช่น เพชรบูรณ์ นครสวรรค์ ลำพูน เชียงใหม่ เชียงราย อุดรธานี ขอนแก่น ศรีษะเกศ และอีกหลายจังหวัด
และเมื่อกลับมาถึงวัดหนามแดง ท่านก็ได้พบเจอกับอาจารย์มานิต อาจารย์มานิตเป็นศิษย์ของอาจารย์ย่ามแดง เป็นลูกศิษย์ของ หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จ.ชัยนาท และพระอีก 3 รูป
จึงได้เรียนวิชาของหลวงปู่ศุขกับอาจารย์มานิต พระที่เรียนกับอาจารย์มานิต มีหลวงพี่จาบ หลวงพี่ทิพ หลวงพี่เม และท่าน ต่างคนต่างได้วิชาคนละแบบกัน และแล้วท่านต้องสึกจากการบวชเป็นพระเพราะไม่มีใครดูแลแม่ เมือปี 31 เมื่อถึงปี 33 ท่านก็ได้บวชอีกครั้ง เพราะท่านไม่ชอบชีวิตของการครอง ฆราวาส
ชีวิตของท่านจึงหวนคืนสู่เพศบรรพชิตอีกครั้ง และครั้งนี้ทำให้ท่านมุ่งมั่นในการปฎิบัติมากขึ้น
ในเรื่องของการรื้อภพรื้อชาติ ปลดวิบากกรรมของญาติโยม
และเพียรในการฝึกฝนวิชาของหลวงปู่ศุขมากขึ้น
จนแตกฉานและเพียรในหลักธรรมของพระพุทธเจ้า ท่านได้เดินทางจากนครสวรรค์ มาที่จังหวัดนครราชสีมา และได้มาอยู่ที่ วัดมิตรภาพ ต.กลางดง อ.ปากช่อง ได้ 4 ปี
เจ้าคณะอำเภอได้ส่งให้ท่านมาเป็นเจ้าอาวาสที่ วัดซับสวอง ต.ขนงพระ เมื่อปี 40
ท่านได้เปิดการสักยันต์ในสายของ หลวงปู่ศุข จนมีลูกศิษย์มากมาย และเป็นที่รู้จักของคนใน อำเภอปากช่องและจังหวัดอื่นๆมากมาย ท่านเป็นเจ้าอาวาสได้ 10 ปี ท่านก็ได้ลาออกและเดินทางไปอยู่วัดดอยน้อย อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่
แต่ก็อยู่ได้แค่ครึ่งปี ท่านก็ต้องได้กลับมาอยู่ปากช่องอีกครั้ง เพราะลูกศิษย์ขอให้กลับมา
จึงกลับมาอยู่ที่วัดหนองแก ต.วังไทร อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ทุกวันนี้
* ปัจจุบันหลวงพ่อจำพรรษา ณ วัดสังฆปรีดี
อ.บ้านฝาง จ.ขอนแก่น (โพสเมื่อ18/06/64)
#ประสบการณ์ตอนเดินธุดงค์ การเดินธุดงค์เมื่อปี 30 ที่จังหวัดเพชรบูรณ์ ณ อุทยานน้ำหนาว
เมื่อสมัยนั้นยังเป็นป่าดงดิบอยู่เลย ท่านจำได้ว่าตอนเที่ยงวันแทบจะมองไม่เห็นพระอาทิตย์เลย
และอากาศเย็นมากๆ ท่านได้เดินเข้าไปอยู่ในป่าลึกเพื่อฝึกสมาธิให้แกร่งยิ่งขึ้น และขอเรียนวิชากับป่า
จนคืนหนึ่งระหว่างที่กำลังปฏิบัติธรรมตามปกติ
ในนิมิตมีฤๅษีองค์หนึ่งมาปรากฏ และยังมีแนะนำในเรื่องการดูธาตุของคน หรือพูดอีกอย่างก็คือสอนให้ดูดวงนั่นเอง เรียกว่าตรวจดูธาตุสี่ แต่การสอนของท่าน เป็นการพูดให้ฟัง และจำเอาเองจำจดไม่ใช่จดจำเป็นการเรียนในสมาธิเสร็จแล้วจึงออกจากสมาธิมาจดเป็นอักษร
ท่านจึงใช้อยู่ทุกวันนี้ ในสถานที่เดียวกันคือ ป่าอุทยานน้ำหนาว ระหว่างการเดินอยู่ในป่า ท่านก็เดินในตอนกลางวันพอสี่โมงเย็นก็ต้องหาที่พักใหม่ทุกวัน
ระหว่างที่เดิน ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ากำลังเดินตามเสือโคร่งอยู่ เห็นรอยเท้าอยู่ทางที่จะลงลำธารเป็นลอยขนาดใหญ่กว่ากำปั้นสักหน่อย
ลองเอามือแตะดูยังอุ่นอยู่เลย แต่ท่านต้องเดินทางไปเส้นทางนั้น
ท่านจึงเดินข้ามลำธารไปอีกฝั่งหนึ่ง แล้วเดินเลี้ยวซ้ายไปซัก 20 เมตร แล้วเลี้ยวขวาอีกที ท่านต้องสะดุ้งสุดตัว เมื่อเห็นเสือโคร่งขนาดใหญ่ เดินเบื้องหน้าท่านประมาณ 50 เมตร
เมื่อตั้งสติได้ท่านได้ตั้งจิตอธิฐานแผ่เมตตาให้กับเสือ ไม่น่าเชื่อเสือตัวนั้นก็เดินเลี้ยวซ้ายหายไป
ท่านจึงเดินทางต่อไป เมื่อตกตอนเย็นประมาณ 4 ทุ่ม ท่านก็ปักกลดของท่านและทำกิจกรรมต่างๆ และทำสมาธิเช่นเคย ท่านจะมีพระพุทธรูปองค์เล็กๆติดตัวไปด้วยไว้ทำวัตรสวดมนต์ คืนนั้นท่านก็ทำวัตรสวดมนต์เหมือนเคย และนำพระพุทธมาวางบนแคร่เล็กๆเพี่อสวดมนต์ เมื่อสวดมนต์ก็ทำสมาธิจนดึก ได้ยินเสียงเหมือนมีอะไรลากเข้ามาใกล้กลดเสียงดังแสกๆ
เข้ามาใกล้ๆเรื่อยๆ จึงลืมตาดูในบริเวณที่นอนต้องจุดไฟไว้หนึ่งกองจึงทำให้มองเห็นงูตัวใหญ่มากๆตัวหนึ่ง ( ลองกางแขนให้สุดนั้นคือความใหญ่ไม่รวมความยาว)
มาหยุดอยู่ตรงเบื้องหน้าพระพุทธรูป และแผ่พังพานโน้มหัวลง ทำความเคารพพระพุทธอยู่ 3 ครั้ง
แล้วจึงหันไปโดยรอบ เหมือนจะบอกว่าอย่ามายุ่งพระท่านปฎิบัติธรรมอยู่ แล้วงูใหญ่ก็เอาหัวลง
ที่ข้างหลังงูซิ มีผู้ชายใส่ชุดขาวผมขาวแก่มากเกล้าผมมวยนั้งอยู่บนหลังงู หนวดเครายาวมาก แล้วงูใหญ่ก็เลี้ยวลอดใต้แคร่ ที่วางพระพุทธรูปไปได้ แคร่ตัวนั้นสูงประมาณครึ่งศอก กว้างครึ่งซอกแต่งูใหญ่เลื้อยผ่านไปได้ หน้าประหลาดมาก
#ได้พบหลวงปู่คำคนิง ท่านได้มีโอกาสที่จะเดินธุดงค์เป็นประจำ มีอยู่ปีหนึ่งที่ท่านได้พักอยู่ที่วัดคลองปลัดเปลี่ยง วันหนึ่งขวัญจิต ศรีประจัญ ได้จัดงานทำบุญบ้านหลังใหม่ ที่โยมขวัญจิตได้ซื้อไว้ที่สายบางนา และในวันงานนั้นโยมขวัญจิตได้นิมนต์แต่พระปฏิบัติ มาสวดมนต์หนึ่งในนั้นมีท่านและหลวงพี่หมูอยู่ด้วย
เมื่อท่านไปถึงบ้าน โยมขวัญจิตบอกว่าหลวงปู่คำคนิง
อยู่บนบ้านที่ห้องพระ ท่านจึงได้ขึ้นไปกราบนมัสการหลวงปู่ แต่ว่าหลวงปู่ท่านทำสมาธิอยู่จึงไม่รบกวน
สักพักหลวงปู่ท่านคลายจากสมาธิ ท่านจึงเข้าไปกราบหลวงปู่คนิงที่ตัก ซึ่งคำแรกที่หลวงปู่คำคนิงพูด ท่านพูดกับหลวงพ่อไฉน ด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลว่า
รอมานานแล้ว และหลวงปู่ท่านช้อนมือของท่านขึ้น แล้วบอกว่า อย่าสึกจากพระนะ จะได้เป็นใหญ่เป็นโตในทางพระพุทธศาสนา แล้วหลวงปู่ก็เอามือของท่านมาจับที่ศรีษะของหลวงพ่อไฉนแล้วจึงเป่าวิชาประสิทธิให้ หลวงปู่ท่านบอกว่าสักวันจะรู้เอง สิ่งที่หลวงปู่ให้คือวิชาหรืออะไรสักอย่างที่ได้จากหลวงปู่คำคนิงซึ่งนั่นก็คือวิชาฤษีแปลงสาร
#ขอขอบคุณข้อมูล โดย คุณลูกปู่ตาก,คุณขุนสมาน |